“ทนายอั๋น” บุกขอพบ ปธ.กกต. หาวิธีจัดการ “นักร้อง” รังควาน “พิธา” ชี้ เลอะเทอะ หวังผลการเมือง สร้างความขัดแย้งสังคม ลั่นต้องปัดตกอย่างเดียว จ่อยื่น ปธ.วุฒิฯสอบ “เสรี” พ้นสมาชิกภาพ ส.ว.
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น เดินทางมาขอเข้าพบประธาน กกต. เพื่อหารือถึงแนวทางจัดการพฤติกรรมการร้องเรียนของนักร้องเรียนต่างๆ ตามที่ กกต.ได้รับพิจารณาเรื่องร้องเรียนของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กรณีสอบเอาผิด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แคนดิเนตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือ การที่ ส.ว. ทั้ง 2 คน มายื่นอ้างว่าเป็นเอกสารเพิ่มเติมกรณีการถือหุ้นของนายพิธา ซึ่งตนมองว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 113 และในช่วงบ่ายวันนี้จะไปยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ ส.ว.มายื่น โดดมาเล่นเกมนี้เอง ว่า เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเป็น ส.ว.อาจจะสิ้นสุดลงหรือไม่
นอกจากนี้ การที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. และ เลขาฯ กกต. มีท่าทีโอบกอด จับมือกัน ถือเป็นพฤติการณ์ที่ไม่อายต่อฟ้าดิน สร้างความสงสัยให้ตนและคนไทย ว่า เป็นพวกเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ มองว่า การร้องเรียนการถือหุ้นสื่อนั้น เป็นเกมการเมือง ดึงเช็งกันไปมาระหว่าง ส.ว. กับ กกต. จึงหวังว่า การที่ตนขอเข้าพบประธาน กกต. น่าจะเป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการยับยั้ง หรือหยุดไม่ให้เกิดการแตกแยกในสังคม อยากให้ประธาน กกต.กำหนดแนวทาง ว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องร้องเรียนที่ตนมองว่าไร้สาระ จะปัดตกหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป
“วันนี้วันศุกร์ วันราชการ ถ้าประธาน กกต.ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ออกพื้นที่ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ผมเข้าพบ ไม่จำเป็นต้องมาจับมือผม ไม่จำเป็นต้องมีคน กกต.ระดับผู้บริหาร มาโอบกอดผม ผมมาในฐานะประชาชนคนที่เคยร้องเรียนเอาไว้แล้ว ประการสำคัญ ผมทำให้หลักการประชาธิปไตยมีค่าขึ้น”
นายภัทรพงศ์ กล่าวด้วยว่า คนที่มาร้องนั้น เป็นคนของพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามพรรคก้าวไกล การที่ ส.ว.โดดมาเล่นเกมนี้เอง อ้างว่า นำหลักฐานมายื่นเพิ่มเติม มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเกมการเมือง ซึ่งทาง ส.ว. และ นายเรืองไกร บังคับให้ กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งตนมองว่า ไม่เป็นประโยชน์เลย วันนี้ก็ขอยืนยันจุดเดิมขอให้ กกต.ปัดตกเรื่องร้องเรียนเหล่านี้เลย
นอกจากนี้ นายภัทรพงศ์ ยังทวงตามกรณีที่เคยยื่นร้องเรียนให้ดำเนินการกับนายเรืองไกร ฐานกระทำการอันเป็นเท็จให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่า ผู้สมัครฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งตามมาตรา 143 กกต.ดำเนินการเป็นอย่างไรบ้าง นายเรืองไกร ส่งอะไรมาบ้าง ส่งหลักฐานอันเป็นเท็จหรือไม่นั้น ตอนนี้ตนรอเพียงนายพิธาส่งเอกสาร 2 ส่วน คือ เอกสารที่ศาลสั่งให้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก และเอกสารคำพิพากษาของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เอกสารที่บรรดากรรมการบริษัท itv จำกัด (มหาชน) ที่แถลงต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งขัดแย้งกับเอกสารที่นายเรืองไกร และ ส.ว.นำมายื่นก่อนหน้านี้ หากเอกสารมาถึงแล้วตนจะมาจี้ขอดูเอกสารอีกครั้ง และขอให้ กกต.ดำเนินการตามมาตรา 143 ได้เลย
เมื่อถามว่า ควรปล่อยให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินการไปตามขั้นตอนหรือไม่ เพราะหากไม่ผิดนายพิธาจะได้เป็นนายกฯ อย่างสง่างาม นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า คดีนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. ข้อเท็จจริง 2. ข้อกฎหมาย 3. นัยยะของคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง และโดยข้อเท็จจริงแล้วนายพิธาไม่ได้ถือครองหุ้นสื่อส่วนตัว เป็นเพียงคนถือหุ้นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งหน้าที่ต่างกัน กฎหมายกำหนดชัดเจน ถ้าบอกว่า ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้นายพิธาสง่างาม ก็ต้องถามว่า ทำไมไม่ทำตั้งแต่ปี 2562 ตนมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ต้องปัดตกอย่างเดียว