ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "โบว์" ตบหน้า "ธนาธร" ปัดแบ่งแยกดินแดน ถามคนไทยอยู่ด้วยกันดีๆ ใครทะลึ่งขุดประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มาปั่น-ดรามา เพื่อ..?!
หลังจาก "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาพูดถึงคลิปที่ไปบรรยายให้เยาวชนแดนใต้ฟัง โต้ข่าว "ผู้จัดการ" ปฏิเสธไม่ได้แบ่งแยกดินแดน เพียงหยิบประเด็นประวัติศาสตร์เรื่อง "ชาติพันธุ์" มาชำระพร้อมคำพูดหล่อๆ เพราะอยากเห็นคนไทยรักกัน
"โบว์" ณัฎฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana ถึงกรณี ธนาธร โต้ “ผู้จัดการ” ไม่ได้แยกดินแดน แค่ย้ำประวัติศาสตร์บาดแผล ระบุเป็นความเห็นว่า...
“คนไทยอยู่กันดีๆ มาได้ตั้งนาน ไม่ได้มีปัญหาเผ่าใครเผ่ามัน แบบพม่า อยู่ๆ ก็มีคนอยากสร้าง identity politics ขุดขึ้นมาค่ะ แล้วตอกย้ำเข้าไปประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ จะได้เพิ่มเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ที่มีอยู่แล้วยังไม่พอ ? "
ปรากฏว่า โพสต์นี้ของ “โบว์” มีคนเข้ามากดไลค์ ตอบรับเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกพูดแทนใจได้ดี หลายๆ คนแสดงความเห็นด้วยที่ “ธนาธร” กล่าวโต้ปัดปลุกปั่นเยาวชน ไม่ได้แบ่งแยกดินแดน แต่พูดเรื่องชาติพันธุ์ และความคับแค้นไปทำไม ?
“โบว์” ยังเข้ามาโพสต์แสดงในส่วนของคอมเมนต์ อีกว่า "ตอนอ่านข่าวยังไม่รู้สึกอะไรเลยนะ มางงตอนอ่านคำอธิบายแก้ตัวนี่แหละ จะทำเพื่อ?!?!"
ชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์ เสริมว่า ..มักง่ายแหละ อยากดังแบบง่ายๆ หาคะแนนเสียงเอากระแสแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร จุดประเด็นความขัดแย้งแหละ ง่ายดี
ขณะที่บางคน เล่าสถานการณ์หลัง “ธนาธร” พูดและมีคลิปแพร่ออกไปทำให้สื่อโซเชียลฯ ของ"ด้อมส้ม"เอาไปขยายความเรื่องชาติพันธุ์ ทั้งๆที่ต่างจังหวัดทั่วไทย ไม่เคยมีประเด็นขัดแย้งเรื่องนี้มาก่อน
กลายเป็นดรามา บนความแตกแยกของชาติพันธุ์อย่างไม่ควรเกิด ก็คนไทยอยู่กันดีๆ แบบที่ “โบว์”ว่า จู่ๆ มีคนทำให้เกิดดรามาแล้วหาประโยชน์ซะงั้น
เอาเป็นว่า “ธนาธร” คงคิดว่าเท่ที่ได้พูด จะยุยงปลุกปั่นหรือไม่? ก็ลองเบิกเนตร ดรามาที่ตัวเองพูด ว่าเกิดอะไรตามมา
งานนี้จะเรียกว่าคนเขารู้ทัน รู้นะคิดอะไรอยู่ ดูกันออกแหละ หรือวาจาพิสูจน์เจตนา ก็ว่าได้ ก็ต้องบอกว่า โบว์ "ตบหน้า" ธนาธร จังๆ
** “ก้าวไกล”ออกทะเล อยากเปลี่ยนวันชาติเป็น 24 มิถุนา “เศรษฐา” ฟาดวันเดิมดีอยู่แล้ว เปลี่ยนไปก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น
ในขณะที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าแก้ มาตรา 112 อ้างว่าได้หาเสียงเอาไว้ช่วงก่อนเลือกตั้ง เพื่อเป็นทางออกให้กับสังคมไทย และเป็นฉันทามติจากประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกลจนชนะเลือกตั้งได้จำนวน ส.ส.มาเป็นที่ 1 ขณะเดียวกันเมื่อรวมเสียงกับฝ่ายประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านเดิม ได้เกินกึงหนึ่งของสภาล่าง คือเกิน 251 เสียง พร้อมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสนองความต้องการของประชาชน
ดังนั้น ส.ว.ก็ต้องยึดหลักการมากกว่าตัวบุคคล โดยต้องโหวตสนับสนุนให้ตนเอง เป็นนายกรัฐมนตรี และหากส.ว.ไม่โหวตหนุนตนเอง โดยเอาเรื่องการแก้ไข มาตรา 112 มาเป็นข้ออ้าง นั่นถือว่าเป็นการนำเสียงของประชาชน มาปะทะกับสถาบันฯโดยตรง ซึ่งไม่เหมาะสม และอันตราย!!
เป็นการขู่กันแบบดื้อๆ ทั้งที่ตัว “พิธา”เองไม่รู้ว่าจะผ่านด่านเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ไปได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ “จารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ออกมาจุดพลุ ในงานที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่องเปลี่ยน “วันชาติ” จากวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นวันที่ 24 มิถุนายน วันที่คณะราษฎร ก่อการยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อปี 2475
ปกติแล้ว “วันชาติ” จะถือเอา“วันพระราชสมภพ” ของพระมหากษัตริย์ เป็นวันเฉลิมฉลองของคนในชาติ อย่างเช่น ประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน ญี่ปุ่น เป็นต้น...แต่ในอดีตวันที่ 24 มิถุนายน ก็เคยเป็น “วันชาติ” ของไทยเช่นกัน เนื่องจากคณะราษฎรและรัฐบาลพ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ในขณะนั้น ต้องการให้ชาวไทย ฉลองการปกครองระบอบใหม่ร่วมกัน จึงประกาศให้ วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ ตั้งแต่ พ.ศ.2481 มีการจัดมหรสพเฉลิมฉลอง จุดพลุ เดินขบวน
จากนั้นผ่านไป 21 ปี “รัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์” นายกรัฐมนตรี เห็นว่า วันชาติ ที่เป็นวันที่ 24 มิถุนายน มีความไม่เหมาะสมหลายประการ จึงออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2503 ให้ถือ “วันพระราชสมภพ” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทย กลับมาอีกครั้ง
ประกาศครั้งนั้น มีขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2503 ระบุว่า... “คณะกรรมการฯ จึงมีความเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามขนบประเพณีของประเทศที่พระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นการสมัครสมานสามัคคี รวมจิตใจของบุคคลในชาติโดยทั่วกัน จึงสมควรจะถือเอาวันพระราชสมภพ ของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทยต่อไป โดยยกเลิกวันชาติ ในวันที่ 24 มิถุนายน เสีย”
วันชาติของประเทศไทย จึงเปลี่ยนจากวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันที่ 5 ธันวาคม ตั้งแต่บัดนั้น มีการเฉลิมฉลอง “วันชาติ” และ “วันพ่อ” ไปพร้อมๆ กัน โดยให้ยึดเอาวันพระราชสมภพเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หลังจากเปลี่ยนผ่านสู่รัชกาลใหม่ สำนักพระราชวัง ยังคงมีความเห็นว่าควรยึดเอาวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันชาติต่อไป
แต่วันนี้ “รังสิมันต์ โรม” กลับเสนอให้กลับไปเอาวันที่คณะราษฎร ก่อการยึดอำนาจสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นวันชาติ อ้างว่าเพื่อให้สอดคล้องกับประวัติศาตร์ประชาธิปไตย
แน่นนอนว่า เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วย และเห็นว่า “รังสิมันต์ โรม” จุดพลุเรื่องนี้ เพราะต้องการให้เป็นประเด็นการเมือง เป็นหัวข้อที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย และหวังจะขับเคลื่อนไปพร้อมกับการแก้ไข มาตรา112
เรียกว่าพยายามจะนำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นปมขัดแย้งในสังคมอยู่ร่ำไป !!
น่าสนใจว่า หนึ่งในจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วย และออกมาคัดค้านอย่างเต็มที่ คือ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
“เศรษฐา” บอกว่า วันชาติเป็นวันเดิมดีอยู่แล้ว เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะมามองปัญหาการเปลี่ยนวันชาติทำไม ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น ประชาชนเลือกเรามา ไม่ได้เลือกมาเพื่อให้เราทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เรามีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ยึดโยงประชาชน วันนี้เอาเวลาไปทำงานเพื่อปากท้องประชาชนดีกว่า จะได้อยู่เย็นเป็นสุข...
ขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆว่า ไม่น่าจะได้ ผิดกฎหมายหรือเปล่าไม่รู้ ก็ไปดูกันสิ!!
เมื่อเห็นว่ามีกระแสต่อต้านหนัก “โรม” กลับบอกว่าประเด็น “วันชาติ” กำลังถูกโยงเป็นประเด็นการเมือง เพื่อด้อยค่าพรรคก้าวไกล สกัดไม่ให้พรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลได้... อ้าวเป็นงั้นไป!!
