“สนธิญา” ยื่น กกต.สอบ “พิธา” ถือหุ้นสื่อขัดข้อบังคับ “ก้าวไกล” หรือไม่ ชี้ เข้าข่ายครอบงำพรรค เล็ง เอาผิดอาญา-จริยธรรม “เสรีพิศุทธ์” หลังศาลอุทธรณ์ ยกคำร้องปมขอเพิ่มโทษ
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบว่า ข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ และการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิก หัวหน้าพรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรค ถือหุ้นไอทีวี จะเข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่อีกครั้ง หลังจากที่ กกต.ได้มีการยกคำร้องไป โดย นายสนธิญา กล่าวว่า ตนตรวจสอบไม่เจอว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดลักษณะต้องห้ามเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้หรือไม่ แต่หากกำหนดเห็นว่าจะทำให้เป็นเหตุให้ความเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธา ซึ่งถือหุ้นไอทีวีสิ้นสุดลง และ นายพิธา ก็จะเข้าข่ายเป็นบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการชี้นำ ครอบงำการดำเนินการของพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นเหตุให้ กกต.สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลได้ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายเดียวกัน
_
“ผมไม่แน่ใจเพราะค้นไม่ได้ว่ากรณีของข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นของสมาชิกหรือหัวหน้าพรรคไว้หรือไม่ อย่างไร แต่ผมหยิบเอาประเด็นที่เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้แถลง และยืนยันว่า นายพิธา ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับยายของผม คือ แซ่ลิ้ม ได้ยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับการถือหุ้นมาตั้งแต่ปี 62 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปี 62 และเท่าที่ผมทราบนายพิธา ถือมาตั้งแต่ปี 50 จึงร้องมาที่ กกต. ว่า การที่นายพิธาถือหุ้นไอทีวีมาตั้งแต่ปี 50 แล้วมาแจ้งการถือหุ้นในปี 62 นั้น เป็นกระทำที่ขัดต่อข้อบังคับพรรคหรือไม่ เพราะจะพัวพันถึง พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 28 มาตรา 29 ที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคก้าวไกล
นอกจากนี้ นายสนธิญา ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาได้ยกคำร้องกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิ่มโทษตนให้สูงขึ้นในคดีฟ้องหมิ่นประมาท และกรณีฟ้องว่าตนยื่นเอกสารเท็จจากการที่ตนยื่นตรวจสอบ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส. แล้ว จึงอยากให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำคำพิพากษาของศาลฯไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของท่าน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ตนด้วย และขอที่จะดำเนินการเอาผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตามกฎหมายอาญา ฐานกลั่นแกล้งตน และประมวลจริยธรรม ส.ส. เพราะขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำเนินการกับตนนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็น ส.ส. เป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช.ของสภาผู้แทนราษฎร โดยจะรอดูว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะยื่นอุทธรณ์คดี หรือไม่ก่อน
ส่วนที่ตนยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนโยบายหาเสียงกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และกรณีมีนโยบายถมทะเลสมุทรสาคร เพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ของพรรคเพื่อไทย เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญาตรา 258 ก.( 2) (3) หรือไม่ว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งแล้วว่าผู้ตรวจการแผ่นดินรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย