ข่าวปนคน คนปนข่าว
**Save หยกเพื่อ??..เด็กเอาแต่ใจ กฎมีไว้แหก เรียกร้องล้ำเส้น ไม่เคารพสิทธิ์คนอื่น ตัวตึง "เนติวิทย์" ผสมโรงเชียร์
"#Saveหยก" เป็นดรามาในโลกโซเชียลฯ ที่ฮอตฮิตติดเทรนด์เป็นประเด็นร้อนสะท้อนสังคมที่มาถึงยุค "หัวร่อไม่ออก ร่ำไห้ไม่ได้" ว่ามันจะอะไรกันนักกันหนา!!!
สารตั้งต้นดรามานี้มีชื่อว่า "หยก-ธนลภย์ ผลัญชัย " เยาวชนอายุ 15 ปี คนเดียวกับผู้ต้องหา มาตรา 112 น้องโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thanalop Phalanchai ว่า ถูกไล่ออกจากโรงเรียน และ เมื่อวาน (14 มิ.ย.) ถูกห้ามไม่ให้เข้าโรงเรียนจนต้องปีนรั้วเข้าไป โดยต้องการเข้าไปเรียนกับเพื่อนๆ
ก่อนหน้านี้ “หยก” ได้ย้อมผมและแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน ซึ่งครูเรียกเข้าพบจนเป็นข่าวว่าอาจเป็นสาเหตุของการที่เธอถูกไล่ออก
ทว่า "ตรีนุช เทียนทอง” รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า ได้พูดคุยกับโรงเรียนแล้ว ให้ข้อมูลมาว่า “หยก” ยังไม่ถูกไล่ออก และ ยังมีสถานะเป็นนักเรียน
ระหว่าง “หยก” อยู่นอกโรงเรียนและปีนรั้ว ก็ได้ไลฟ์สดไปด้วย ซึ่งมีผู้เข้ามารับชมแสดงความคิดเห็นสนับสนุน แต่กลุ่มเพื่อนหยก ที่ตามมาด้วยช่วยไลฟ์สดก็ด่า รปภ.และครูด้วยถ้อยคำหยาบคาย เหยียดหยาม พลันนั้นดรามาก็บังเกิด
มีการถกเถียงในหมู่ชาวเนต ในประเด็นเรื่อง "กฎ" และ "การแหก" ของโรงเรียนและสังคม
“เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล” นักเขียน และนักเคลื่อนไหวสังคม โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ชื่อ Netiwit Chotiphatphaisal ให้ท้ายว่า หากตัวเองยังเป็นนักเรียน ก็จะทำเช่นเดียวกับหยก
ตัวตึงในอดีต บอกว่า อดเสียดายไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้เป็นนักเรียนแล้ว ถ้าเป็นก็จะใส่ชุดไปรเวท ย้อมผม ไปโรงเรียนแบบหยก แม้อยู่ต่างร.ร. ก็อยากให้รู้ว่าเป็นกำลังใจให้ เธอไม่โดดเดี่ยว คนรุ่นใหม่ควรกล้าหาญ กล้าทำอยู่เสมอ ผู้ใหญ่ควรเป็นเพื่อนที่ดี รับฟัง โอบอุ้ม แต่น่าเศร้า คนมีอำนาจ ระบบยังดานดัก ไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่ทนกับความดิบถ่อยของเด็กอายุ 15 ไม่ได้ ก็ออกมาสวนโดยเห็นด้วยในการเรียกร้องสิทธิ และเสรีภาพ ในการแต่งกายของตัวเองนะ แต่โรงเรียนยังมีกฎ เด็กก็ต้องปฏิบัติตาม ใช่หรือไม่?
เธอควรเรียกร้องด้วยวิธีที่ไม่ละเมิดกฎของโรงเรียน แต่สิ่งที่หยกทำไม่ใช่การเรียกร้อง แต่เป็นการเอาแต่ใจ
เรียกร้องสิทธิให้ตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิหน้าที่คนอื่น
งานนี้ น้องเกินไปจริง ทั้งคำพูดคำจา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว ใครที่ดูไลฟ์สด รับไม่ได้จริงๆ กับพฤติกรรมที่แสดงต่อทั้ง รปภ. และครู
แทนที่จะ #save หยก เราควรจะ #saveเตรียมพัฒน์ มั้ย? ครูทั้งโรงเรียนต้องมาวุ่นวายกับเด็กเอาแต่ใจคนเดียว แทนที่จะได้ใช้เวลาเพื่อดูแลเเด็กๆ อีก 3-4 พันคน
จากดรามา กฎและการแหกกฎโรงเรียน ลุกลามไปถึงการเมือง หลังจากคนที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมหยก ถูกฝ่ายสนับสนุน เหมารวมบูลลี่ว่าเป็นพวก "สลิ่ม" คร่ำครึ
และแล้วฟาดมา ก็ฟาดกลับ คนที่บูลลี่สลิ่ม ก็ถูกย้อนถามว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ?
แน่นอนพลพรรคด้อมส้ม ถูกลากมาเอี่ยว ตบตีกันกลางวง เถียงกันไปมา กล่าวหากันและกัน กระทั่งเสียงแตกแม้แต่ในหมู่ด้อมส้มด้วยกันเอง
กระแสจึงตีกลับว่า “ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง” อย่าเอาเด็กไร้สมองกลุ่มเดียว มาเหมารวมกับคนที่เขากำลังต่อสู้อย่างมีอารยะ เพื่อต้องการแก้ไขสิ่งเหล่านี้...งานนี้ ส้มไม่saveหยก!!
เรื่องนี้เมื่อไฟดรามาถูกจุดก็ยากจะควบคุมจริงๆ
กรณี"หยก"นี้ สุดท้ายสมควร Save หรือไม่?? Saveไปเพื่อ?!! ทุกคนถามใจตัวเองดู
** ข่าวแกล้งหลุด?! กกต.แขวนว่าที่ส.ส.เขต 71 คน จาก 37 จังหวัด ตัวตึง นามสกุลดัง หลายคน
แม้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญวิบากกรรม “หุ้นไอทีวี” ยังไม่รู้ว่าจะออกหัว ออกก้อย
แต่บรรดา “ด้อมส้ม” ก็เคลื่อนไหวกันหนักทั้งในโซเชียลฯ และเดินทางไปที่สำนักงานกกต. เร่งรัดให้รีบรับรองส.ส.โดยเร็ว จะได้เปิดประชุมสภา เพื่อเลือกประธานสภา โหวตนายกฯ และตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศโดยเร็ว
วันวาน (14 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 เดือน หลังการเลือกตั้ง บรรดานักเคลื่อนไหวในสายสีส้ม กลุ่มไอลอว์ กลุ่มราษฎร กลุ่มทะลุฟ้า ก็ยกขวนกันไปที่สำนักงานกกต. ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะเห็นชัดๆว่ามติมหาชนต้องการให้ใครเข้ามาบริหารประเทศ ถ้ายังขืนชักช้า จะถือว่า กกต.คือส่วนหนึ่งของขบวนการขัดขวางประชาธิปไตย
พร้อมขีดเส้นว่า ถ้าถึงวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ ยังไม่มีการประกาศรับรองส.ส. ทางกลุ่มประชาชนก็จะออกมาแสดงพลัง!!
ขณะที่ “อานนท์ นำภา” แกนนำคณะราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กสำทับว่า ...ถ้าจะเลือกแนวทางยื้อ หรือยึดอำนาจ คนสนับสนุนก้าวไกลใน กทม.และปริมณฑลหลายล้าน ลงถนน เขานัดกันตามแนวรถไฟฟ้าเหมือนตอน ตุลา 63 ใช้เวลา 15-20 นาที พรึบ!!
และจะด้วยความบังเอิญ ด้วยความจงใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ ในวันเดียวกันนี้ ก็มี“เอกสาร กกต.” หลุดออกมาว่อนโซเชียลฯ เป็นเอกสารข้อมูล ที่นำเสนอต่อ กกต. ในการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต (ครั้งที่ 1) เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา สรุปว่า กกต.พร้อมที่จะรับรอง ว่าที่ส.ส.เขต 329 คน จาก 40 จังหวัด ที่การเลือกตั้งเป็นสีขาว ไม่มีเรื่องร้องเรียน
ส่วนว่าที่ ส.ส.เขต อีก 71 คน จาก 37 จังหวัด มีเรื่องร้องคัดค้าน ต้องถูกแขวนไว้ก่อน!! ...ในจำนวนนี้ เป็นว่าที่ ส.ส.เขต ของพรรคภูมิใจไทย 23 คน เพื่อไทย 17 คน พลังประชารัฐ 16 คน ก้าวไกล 6 คน ประชาธิปัตย์ 3 คน รวมไทยสร้างชาติ 3 คน ไทยสร้างไทย 2 คน และ เพื่อไทยรวมพลัง 1 คน
พิจารณา ไล่เรียงดูรายละเอียดก็พบว่า มี“ตัวตึง” และคนของบ้านใหญ่ นามสกุลดัง ถูกแขวนหลายคน
อย่างเช่น พื้นที่ กรุงเทพฯ 33 เขต รับรองได้ 32 เขต มีปัญหาร้องเรียนอยู่เขตเดียวคือ เขต 28 พื้นที่ของ “ไอซ์- รักชนก ศรีนอก” จากพรรคก้าวไกล ที่สร้างความฮือฮา ผู้ล้มช้าง “วัน อยู่บำรุง” จากพรรคเพื่อไทย ...
ที่ จ.กำแพงเพชร เขต 1 คนดังอย่าง “ไผ่ ลิกค์” จากพรรคพลังประชารัฐ ก็ถูกแขววน... เขต 4 ขอนแก่น “เอกราช ช่างเหลา” พรรคภูมิใจไทย ... ฉะเชิงเทรา เขต 3 “ศักดิ์ชาย ตันเจริญ” หรือ “มดเล็ก” น้องชาย “มดดำ คชาภา” พรรคเพื่อไทย... พรรคพลังประชารัฐ...ที่ โคราช ว่าที่ส.ส.จากเพื่อไทย โดน 3 คนรวด ที่ เขต 5 “สมเกียรติ ตันดิลกตระกูล” เขต 10 “อภิชา เลิศพัชรกมล” และเขต 12 “นรเสรฏฐ์ ศิริโรจนกุล”
จ.บุรีรัมย์ “เนวินบุรี” คนของพรรคภูมิใจไทยชนะยกจังหวัด แต่ถูกแขวนไป 4 คน ที่ เขต 4 “รังสิกร ทิมาตฤกะ” เขต 5 “โสภณ ซารัมย์” เขต 6 “ศักดิ์ ซารัมย์” และ เขต 7 “พรชัย ศรีสุริยันโยธิน”
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีที่ จ.สงขลา เขต 5 “เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ นายกชาย รองหัวหน้าพรรค รวมทั้ง “สุพัชรี ธรรมเพชร” เขต 1 พัทลุง
จ.เพชรบูรณ์ พื้นที่ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” เลขาธิการพรรคพปชร. ที่นอกจากตัวหัวหน้าทีมหลุด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แล้วลูกทีม ยังโดนแขวนไป 3 คน ที่ เขต 2 “จักรัตน์ พั้วช่วย” เขต 5 “วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์” และ เขต 6 “อัคร ทองใจสด” ที่ จ.สิงห์บุรี “โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” ลูกพี่ลูกน้องของ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รองหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ด้วย
จ.สระแก้ว เขต 1 “ขวัญเรือน เทียนทอง” พรรคพลังประชารัฐ และ เขต 3 “สรวงศ์ เทียนทอง” พรรคเพื่อไทย ก็โดน และที่ จ. อุบลราชธานี ก็มีคนนามสกุลดัง ตระกูลการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ เขต 1 “วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์” และ เขต 7 “สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ” รวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ กกต.มีกรอบเวลาในพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง 2 เดือน ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 1 เดือน เวลาที่เหลือ คาดว่าจะพิจารณาไม่ทัน ทางที่เป็นไปได้คือ กกต.คงต้องรับรองไปก่อน แล้วสอยที่หลัง ซึ่งการจะเปิดประชุมสภานักแรกได้ ต้องมีส.ส.ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 หรือ 475 คน เมื่อเลือกประธานสภาได้แล้ว ลำดับถัดไปจึงเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี
ก็ต้องติดตามว่า กกต.จะรีบประกาศรับรอง หรือจะรอไปใกล้ๆ 13 ก.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายตามกรอบเวลาค่อยรับรอง ส่วน 71 ว่าที่ ส.ส.ก็ต้องรอลุ้นศาลฎีกาฯ ว่าจะแจก ใบขาว ใบเหลือง ใบแดง ใบส้ม หรือใบดำ
