ข่าวลึกปมลับ : สภา 500 รับรองก่อน สอยทีหลัง บัญชีดำ20-30 ว่าที่ ส.ส.!

“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 ตอน สภา 500 รับรองก่อน สอยทีหลัง บัญชีดำ20-30 ว่าที่ ส.ส.!





ครบ1เดือนหลังการเลือกตั้ง14 พฤษภาคม ก่อนหน้านี้ ยังไม่มีวี่แววว่าคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.เมื่อใด จนมีเสียงเรียกร้องและกดดันจากหลายฝ่าย ให้กกต.เร่งรับรองส.ส.โดยเร็ว โดยเฉพาะพวก8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล 312เสียง เพื่อจะได้เข้าไปเป็นรัฐบาลเร็วๆ

สุดท้าย มีสัญญาณ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ภายในไม่เกินเดือนมิถุนายน โดยมีกระแสข่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ จะไฟเขียวยกแผง ประกาศรับรอง ทั้ง 500 ชื่อ ทั้งว่าที่ส.ส.ระบบเขต 400 คนและปาร์ตี้ลิสต์อีก 100 คน

แต่ "สภา 500"ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะใน 500 คนดังกล่าว เมื่อส่องเข้าไปดูแล้ว จะมีแบ่งเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรก คือพวกที่สบายใจได้สุดๆ ว่าจะสามารถเป็นส.ส.ไปได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่โดนกกต.สอยทีหลัง กลุ่มนี้จะเป็นพวกส.ส.เขต ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

กลุ่มนี้ล็อตใหญ่ มี 330 คนจาก 400 คน ที่ล่าสุดผลประชุมกกต.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ชื่อทั้งหมด กกต.ไฟเขียวหมดแล้ว และข่าวว่าจะมีทยอยพิจารณาอีกล็อตหนึ่งในสัปดาห์หน้า อีกหลายสิบคน ที่ก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยมีเรื่องร้องเรียนมาก หรือมีบ้างแต่ไม่ค่อยมีอะไรชัดเจน

รวมถึงพวกส.ส.บัญชีรายชื่ออีกเกือบทั้งหมด 100 ชื่อ ที่ส่วนใหญ่ ไม่มีข้อร้องเรียนมากอยู่แล้วเพราะลงปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ได้เน้นหาเสียงในพื้นที่มาก ทำให้ข้อร้องเรียนมีน้อย

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือพวก ต้องลุ้นเต็มที่ เพราะชนะเลือกตั้งจริง แต่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำ ที่มีคนร้องเรียนมีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่ข่าวว่า ชื่อที่อยู่ในบัญชีดำมีประมาณ 20-30 คนที่ปิดลับว่ามีใครบ้าง แต่ลือกันว่า มีกระจายอยู่ในหลายพรรคการเมือง ทั้งปีก8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล และพรรคการเมืองขั้วอนุรักษ์นิยม ซึ่งมีบางคนข่าวว่าโดนร้องเรียนหนักหลายเรื่อง

แต่เนื่องจากการตรวจสอบข้อร้องเรียนเพื่อนำไปสู่การพิจารณาให้ใบต่างๆ โดยเฉพาะใบส้ม ที่หากจะให้ ต้องให้ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง ต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนา ในการทำสำนวน แต่เมื่อเวลากระชั้นเข้ามา เลยทำให้ ผู้ตรวจการเลือกตั้งและของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหลายแห่งมีความเห็นไปในทางเดียวกัน

คือส่งไปที่ สำนักงาน กกต.ว่าเรื่องร้องเรียนผู้ได้รับเลือกตั้ง ทาง จังหวัดไม่อาจสืบสวนสอยสวนได้เสร็จก่อนกรอบเวลา 60 วัน ที่กฎหมายกำหนด จึงเสนอให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งทั้งหมดไปก่อน แล้วหากหลังจากนี้ พบใครทำผิด โดยเฉพาะคนที่ชนะเลือกตั้ง ค่อยมาสอยในภายหลัง

ผนวกกับ มีปัจจัยแทรกซ้อนเพราะปลายเดือนนี้ ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กกต. จากสายศาลฎีกา ที่มีบทบาทสูงในฐานะ มือกฎหมายประจำวงกกต.ใหญ่ จะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 28 มิ.ย นี้ เพราะอายุครบ70 ปี ทำให้กกต.ตอนนี้ที่มีอยู่ตอนนี้ 6 คน หลังก่อนหน้านี้ ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย พ้นจากตำแหน่งไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ต่อไปกกต.จะเหลือ 5 คน

กกต.เลยต้องการสะสางงานให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องทำให้รอบคอบ หลายเสียง เลยเห็นด้วยกับการรับรองไปก่อน รอสอยทีหลัง

เพราะต้องไม่ลืมว่า กกต.ชุดปัจจุบันหลายคน เคยถูกฟ้องร้องมาแล้ว กรณีให้ใบส้ม สุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทยตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่ตอนนั้น นายสุรพล ชนะเลือกตั้งส.ส.แต่มาเจอใบส้ม กรณีกกต.เห็นว่า สุรพล ที่ไปร่วมงานทำบุญทอตผ้าป่าในพื้นที่เลือกตั้ง แล้วถวายเงิน จำนวน 2,000 บาท และนาฬิกาให้แก่พระสงฆ์ ซึ่งกกต.ยังมีการดำเนินคดีอาญากับนายสุรพล และจัดเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อกกต.ส่งสำนวนไปให้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ปรากฏว่าศาลยกคำร้อง ตัว สุรพล ชนะคดี ทำให้ สุรพลเลยเอาคืน ทั้งต้นทั้งดอก ยื่นฟ้องสำนักงานกกต. เป็นจำเลยที่1 กับพวก เช่น กรรมการกกต. รวม 14 คน เป็นจำเลย

ที่ต่อมา ศาลจังหวัดฮอด และศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำตัดสินตรงกันให้ สุรพล ชนะคดี โดยคำตัดสินล่าสุดของ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เมื่อปลายปี 2565 ให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับ สุรพล 56 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

เคสที่เกิดขึ้นดังกล่าว น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ กกต.เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่างๆ ไม่เช่นนั้น หากคู่กรณีไม่ยอมฟ้องกลับขึ้นมา แค่คดีนายสุรพล คนเดียวก็อ่วมแล้วหากมีตามมาอีก คงรับไม่ไหว

มันจึงเป็นที่มาของ การรับรองไปก่อน รอสอยทีหลัง ที่ทำให้ สภา 500 ดีใจได้ แต่บางคน ก็ดีใจได้ไม่สุด ด้วยประการฉะนี้