ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เฉลยแล้วคนปลุกผี iTV
ร้อนฉ่าไปทั่วพาราโซเชียลฯ เมื่อมีรายงานปม"คลิป" และ "เอกสาร" บันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีไม่ตรงกัน!
ก่อนหน้าก็คอมเมนต์กันกระหน่ำ
หุ้น iTV กับ"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" จะไปต่อ หรือ พอแค่นี้ ?!
คนฟันธงลงไปก็ว่า อาการ “พิธา” เหมือนคนไข้นอนโคม่า อยู่ในห้องไอซียู พะงาบๆ โอกาสรอดยาก
เพราะ"รู้อยู่แก่ใจ" รู้อยู่แล้วกฎหมายไม่ให้ถือครองหุ้นสื่อ แล้ว "ฎีกา" คำตัดสินมีให้เห็นเป็นประจักษ์
ขณะที่สมาชิกพรรค และ "ด้อมส้ม" ต่างว่า นี่เป็นขบวนการ "เตะสกัด" พิธา ไม่ให้ก้าวไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ประเด็นปัญหาที่ถกเถียงก็ iTV สถานะยังเป็นสื่อหรือไม่ ?
พอมี "คลิป" มาเผยแพร่ เทียบกับ" เอกสาร" ที่ดูเหมือนจะ"เป็นคุณ" กับพิธา ไชโยโห่ร้องกระทืบเท้า ตื่นเต้นกับหลักฐานที่เพียงพอให้มโนได้ว่า "คดีพลิก" แน่ๆ
ฝ่ายก้าวไกล ถึงกับคว้าแพะมาขี่ไล่อีกฝ่าย ตั้งโต๊ะแถลง "ชัยธวัช ตุลาชน" เลขาธิการพรรคจี้ฝ่ายตรงข้ามให้ยอมจำนน ว่า เรื่องทั้งหมดเป็น "ขบวนการสบคบคิด" ปลุกผีไอทีวี มากลั่นแกล้งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชัดเจน
พร้อมๆ กับ “ด้อมส้ม”และไอโอ รุก"ปั่น" สมทบ ปล่อยประเด็น "ขบวนการปลุกผีไอทีวี" มากันเต็มสตรีม ยึดครองโซเชียลเต็มฟีด ปลุกเร้าให้เห็นนี่ไงๆๆ หลักฐาน
ไปไกลขนาดที่ว่า มีนายทุนใหญ่และหัวหน้าพรรคที่มีสายสัมพันธ์กันส่ง "เด็กในคาถา มาประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อตั้งคำถามสถานะของไอทีวี ให้ยืนยันความเป็นสื่อไว้ แสดงออกมาลากกันด้วย "แผนผัง" เว่อร์วังอลังการ
เรื่องนี้มาย้อนๆดู มูลเหตุดรามาก็ต้องบอกว่า สื่อที่เอา "คลิป" ที่ชาวด้อมส้มมั่นอกมั่นใจจะเกิด "คดีพลิก" ที่ว่ามาเปิดคนแรกก็ต้องให้เครดิต "ข่าว3มิติ" ของ "กิตติ สิงหาปัด" และนักข่าวคู่บารมี "แยม" ฐปณีย์ เอียดศรีไชย เมื่อคืนก่อน
จากนั้นตามต่อรุ่งเช้าด้วย "พี่ยุทธ" สรยุทธ ทัศนะจินดา ให้ "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ตัวตึงก้าวไกล ร่วมบดขยี้ "นิกม์ แสงศิรินาวิน" สมาชิกพรรคภูมิใจไทย อดีตลูกพรรคอนาคตใหม่ ที่โฟนอินเข้ามา
เรียกว่า ถ้าไล่เรียงคนสื่อที่รายงานข่าวปมคลิปหุ้น iTV รัวๆ สังเกตดีๆ ล้วนแล้วแต่เป็น "คนเก่าของiTV" ยุคในตำนาน
ฟังว่า ขนาดบก.ข่าว3มิติ เมื่อคืนก่อน คนคุมรายการคือ “บ๊อบ” อลงกรณ์ เหมือนดาว ก็เป็นอดีต บก.ข่าวไอทีวี
ที่ก้าวไกลและด้อมส้มหาๆ กัน "ขบวนการปลุกผีไอทีวี" มีใคร ยังไง? ไม่ต้องไปหาให้เสียเวลา
ชาวเน็ตอารมณ์ขัน แนะนำกันมาว่า..ก็นี่ไง ฐปณีย์-กิตติ-สรยุทธ และอดีตเด็กเก่า iTV ที่มีส่วนร่วมเปิดปมคลิปนี่ล่ะ คนปลุกผี iTV ตัวจริง
** “สมชัย” ขัดใจด้อมส้ม ดูให้ดีทำไมภาพสะดุด มุมกล้องขยับ คลิปตัดต่อหรือเปล่า?!
กกต.เพิ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง กรณี“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ด้วยเหตุผลว่า ยื่นคำร้องเกินระยะเวลา ที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาได้
แต่ข้อมูลที่ได้รับมานั้น ยังมีประโยชน์พอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่า “พิธา” รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. แต่ก็ยังลงสมัคร จึงเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และเตรียมตั้งเรื่องเอาผิดทางอาญา
นั่นคือ กกต.เอาข้อมูลที่ว่า “พิธา” ถือหุ้น ไอทีวี จากที่มีผู้มาร้องเรียน นำไปต่อยอด เอาผิดตามมาตรา 151 ซึ่งตามขั้นตอนคือ กกต.ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีผ่าน ตำรวจ อัยการ ไปศาลอาญาได้เลย ไม่ต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญ... ถ้าถูกตัดสินว่าผิด มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี
ส่วนการร้องว่าถือหุ้นสื่อ ที่ถูกตีตกไปนั้น ก็ยังร้องใหม่ได้อีก เมื่อกกต.รับรอง “พิธา” เป็นส.ส.แล้ว โดยส.ส. 50 คน หรือส.ว. 25 คน หรือ กกต.ร้องเอง ในฐานะความปรากฏ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพิกถอนการเป็นส.ส. และตัดการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อีกรอบ... สรุปว่าพิธายังหนักหนาสาหัส
แต่แล้วก็มีประเด็นที่ทำให้ “ด้อมส้ม” ได้ชื่นใจ เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตีตก 4 คำร้องยุบพรรคก้าวไกล ทั้งเรื่องปราศรัยหาเสียงพาดพิงสถาบันฯ เรื่องยกเลิก ม.112 และเรื่องที่ยอมให้ “ธนาธร จึงรุ่งเริงกิจ และพรรณิการ์ วานิช” ชี้นำ ครอบงำพรรค
รวมทั้งล่าสุด ที่ “ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” อดีตผู้สื่อข่าวช่อง 3 ได้เปิดคลิปวีดีโอบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ในรายการข่าว 3 มิติ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นคลิปตอนที่ “ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน” ผู้ถือหุ้น สอบถามว่า "ไอทีวี" มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่ออยู่หรือไม่ ซึ่ง “คิมห์ สิริทวีชัย” ประธานในที่ประชุม ตอบว่า "ตอนนี้ บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน"
ซึ่งต่างจากบันทึกการประชุมที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” นำมาเป็นข้อมูลหลักฐานในการร้องเรียน ที่ประธาน ตอบว่า “ปัจจุบันบริษัทยังมีการดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงิน และยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ”
กลายเป็นหนังคนละม้วน ทั้งที่คำถามเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน แต่คำตอบไปคนละทาง...จึงถูกมองว่า ถ้าไม่ใช่บันทึกการประชุมที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ต้องเป็นคลิปตัดต่อ
แต่ในโซเชียลฯ จะร้อนแรงด้วยความเห็นไปในทิศทางที่ว่า คลิปที่ “ฐปณีย์” นำมาเปิดนั้นเสมือน “ใบเสร็จ” ยืนยันว่า มีขบวนการขัดขวางการตั้ง “รัฐบาลก้าวไกล” และเตะตัดขา ไม่ให้ “พิธา” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จริงๆด้วย
“ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ออกมาแถลงว่า นี่เป็นขบวนการที่หวังทำลายพรรคก้าวไกล สร้างเงื่อนไขเพื่อมาลบล้างเสียงของประชาชน 14 ล้านเสียง ที่ให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงว่า มีการประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 ซึ่งเกิดขึ้นหลังการรับสมัครเลือกตั้ง จากนั้น “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ก็ได้นำเอกสารบันทึกการประชุมดังกล่าว ไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นร้องต่อกกต. ให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีของ “พิธา” เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 66
และก่อนที่ “เรืองไกร”จะไปยื่นร้องต่อ กกต. นั้น “นิกม์ แสงศิรินาวิน” ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กของตนเอง เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 66 ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ บริษัทไอทีวี 2 วัน ว่า “นักการเมืองที่กำลังถือหุ้น ITV เตรียมตัวประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และมอบตัว กกต. ด้วยนะครับ หัวหน้าพรรคหนึ่งถือ 42,000 หุ้น”
โพสต์ดังกล่าวทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่า มีการวางแผนจะให้ “ภานุวัฒน์ ขวัญยืน” ผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่รับโอนหุ้นมาจาก “นิกม์” ตั้งคำถามในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี เพื่อต้องการให้ผู้บริหารของไอทีวีตอบว่า ไอทีวี ยังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่ ใช่หรือไม่
แต่เมื่อ “คิมห์ สิริทวีชัย” ประธานคณะกรรมการบริษัท ตอบคำถามในที่ประชุมว่า ตอนนี้ไอทีวี ยังไม่มีการดำเนินกิจการสื่อ แต่ภายหลังกลับมีการบันทึกการประชุมให้เข้าใจได้ว่า ปัจจุบันไอทีวียังดำเนินกิจการสื่ออยู่ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้ เข้าข่าย การทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเท็จหรือไม่ ...นอกจากนี้ยังมีเรื่องรายได้ของไอทีวี มาเป็นประเด็นสนับสนุนด้วย
ข้อพิรุธเหล่านี้ เหมือนกับที่ “พิธา” ได้เคยตั้งคำถามไว้ว่า นี่คือความพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวี ให้กลับมาเป็นสื่อมวลชน เพื่อสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาล ตามฉันทานุมัติของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ใช่หรือไม่
ดังนั้น พรรคก้าวไกล จะต้องปกป้องรักษาเสียงของประชาชน ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศในระบอบประชาธิปไตยให้ได้ เพราะนี่เป็นขบวนการ หาเงื่อนไขมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกลจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ขณะที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. บอกว่า ได้ดูคลิปที่ “ฐปณีย์” นำมาเปิด ซ้ำไปซ้ำมากว่า 10 รอบ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า คลิปมีการสะดุด ระหว่างการเอ่ยคำถาม และคำตอบที่สำคัญ คล้ายเป็นการบันทึกที่ไม่ต่อเนื่อง หรือตัด (Trim) บางประโยคออก จึงได้โทรหา “แยม ฐปณีย์” ตอนใกล้เที่ยงคืน เพื่อตั้งข้อสังเกตว่าเทปอาจจะได้มาไม่สมบูรณ์ แต่ “แยม”บอกว่า ได้มาครบ และนำเสนอโดยไม่มีการตัดต่อ ส่วนที่สะดุด อาจเป็นเพราะสัญญานเน็ตไม่ดี ขณะประชุม
จากนั้นจึงได้โทรขอความเห็นผู้สื่อข่าวอีกรายหนึ่ง เขาดูซ้ำหลายรอบ บอกว่ามีโอกาส “ชนคัต” คือ Trim บางส่วน แล้วมาต่อกันได้ เพราะภาพสะดุด และมุมกล้องขยับ
ดังนั้น เรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องรอบคอบที่สุด ในการหาผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ และขอหลักฐานคลิปเต็ม (ถ้ามี) หรือ บันทึกเสียง หรือพยานบุคคล ที่มากกว่าชื่อในรายงาน และหากมีเทปที่ระบุเวลาพูดเป็นวินาที จะยืนยันได้ดีที่สุด
“สมชัย ทิ้งท้ายว่า “เชียร์พิธา ยินดีกับพิธา แต่ต้องเบิ่งตาให้กว้างที่สุด”
ขณะที่“เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ”ผู้ยื่นคำร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบ “พิธา” ในเรื่องนี้ เห็นว่า คลิปเสียงที่นำมาเปิดเผย ไม่ได้ทำให้น้ำหนักในการถือหุ้นไอทีวี ซึ่งเป็น “กิจการสื่อ” ลดน้อยลงไป เพราะวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ที่จดแจ้งเอาไว้ ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน หรือยกเลิกไป ยังคงวัตถุประสงค์เดิมอยู่ และคำว่า “สื่อ” ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรับสัมปทาน หรือมีสัญญาร่วมการงานกับรัฐเท่านั้น แต่ประกอบกิจการอย่างอื่น ก็เป็นสื่อได้ เช่น ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ก็เป็นสื่อ หรือรับพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่างๆ เหมือน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด กรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็มีสถานะเป็น “สื่อ” เช่นกัน
จึงอยากฝากถึงหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวแสดงความดีใจจนออกนอกหน้าในเรื่องนี้ ควรศึกษาข้อกฎหมายและเอกสารหลักฐานอื่นๆ ให้รอบคอบ เพราะหลักฐานไม่ได้มีแค่บันทึกการประชุมเพียงแผ่นเดียว แต่ไม่ได้ขัดข้อง หากใครจะดีใจ ก็ถือเป็นความหวังอีกเฮือกหนึ่งของผู้สนับสนุน “พิธา” เพียงแต่อยากบอกว่า ขอให้ดูเรื่องนี้ยาวๆ
“มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข” อดีตกรรมการบริหารและส.ส.ประชาธิปัตย์ แสงดความเห็นว่า ... ITV เป็นสื่อตั้งแต่การจดทะเบียนวัตถุประสงค์บริษัท สิ้นสุดกระแสความที่ตรงนี้ค่ะ ไม่ต้องเถียงกัน หรือหาหลักฐานอะไรมาว่าไอทีวี จะกลับมาเป็นสื่ออีกหรือไม่ !!
“พิธา”หรือใครที่ถือหุ้นสื่อ โดยที่จะเป็นโทรทัศน์ หรือจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนวัตถุประสงค์เป็นสื่อและยังไม่ได้ปิดบริษัท ! ต่างก็ล้วนกระทำผิดไปแล้ว การโอนหุ้นออกอันนั้นเพื่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง # ปิดไม่มิด กับการกระทำที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ดังนั้นการจะจับโกหก “นิกม์” หรือการจะเอาผู้สื่อข่าวคนใดมาเปิดหลักฐานใด ก็ไม่ใช่ประเด็น ! ประเด็นมันอยู่ที่ # ถือหุ้นสื่อ ถืออยู่ ถือแล้ว ถือเอง 17 ปี
การถือหุ้นสื่อในบริษัทที่จดวัตถุประสงค์เป็นสื่อ จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะสมัคร ส.ส. และเมื่อเทียบกับคนของพรรคไทยภักดี ก่อนหน้านี้เขามีหุ้นสื่อช่องหนึ่งเพียงแค่ 1 หุ้น=5 บาท เขาก็โดนตัดสิทธิไปแล้วเรียบร้อย !! #จบเนาะ”