“สมชัย” ตั้งข้อสังเกตหลายข้อ คลิปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี คล้ายเป็นการบันทึกที่ไม่ต่อเนื่องหรือตัด บางประโยคออก รวมทั้ง “ภาพสะดุด-มุมกล้องขยับ” “อดีตผู้พิพากษา” ชี้ ปม “พิธา” โอนหุ้น ถือว่าเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ผู้จัดการทรัพย์มรดก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(12 มิ.ย.66) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “มีสติ ดูให้รอบคอบ และละเอียดในทุกๆเรื่อง”
โดยระบุว่า “ในขณะที่สังคมยินดีกับพิธาว่า พ้นบ่วง ITV จากการเผยแพร่คลิปบันทึกการประชุม ที่มีเนื้อหาว่า ITV ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ ซึ่งไม่ตรงกับรายงานการประชุม ที่เป็นหลักฐานสำคัญในการร้อง กกต. สังคมทั้งสังคม กำลังประณามและตามตัวคนลงนามรับรองหนังสือและคนตรวจรายงานการประชุม
ผมเองดูคลิปซ้ำไปซ้ำมากว่า 10 รอบแล้ว มีข้อสังเกตที่ต้องให้ความเป็นธรรมดังนี้
1. คลิปมีการสะดุด ระหว่างการเอ่ยคำถาม และคำตอบที่สำคัญ คล้ายเป็นการบันทึกที่ไม่ต่อเนื่อง หรือตัด (Trim) บางประโยคออก
2. ผมโทรหาแยม ฐปนีย์ ใกล้เที่ยงคืน เพื่อตั้งข้อสังเกต ว่าเทปอาจจะได้มาไม่สมบูรณ์ แยมบอกว่า ได้มาครบ และส่วนนั้นนำเสนอโดยไม่มีการตัดต่อ ที่สะดุด อาจเป็นเพราะสัญญาณเน็ตขณะประชุม
3. ผมโทรขอความเห็นผู้สื่อข่าวอีกรายหนึ่ง เขาดูซ้ำหลายรอบ บอกว่า มีโอกาส “ชนคัต” คือ Trim บางส่วนแล้วมาต่อกันได้เพราะภาพสะดุด และ มุมกล้องขยับ
4. เรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องรอบคอบที่สุด ในการหาผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ และ ขอหลักฐานคลิปเต็ม (ถ้ามี) หรือ บันทึกเสียง หรือ พยานบุคคล ที่มากกว่าชื่อในรายงาน และหากมีเทปที่ระบุเวลาพูดเป็นวินาที จะยืนยันได้ดีที่สุด
เชียร์พิธา ยินดีกับพิธา แต่ต้องเบิ่งตาให้กว้างที่สุด”
ขณะเดียวกัน นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า
“วันนี้วันที่ 12 มิถุนายน 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้เปิดหลักฐานการโอนหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยเป็นหลักฐานจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า นายพิธาโอนหุ้นจำนวน 42,000 หุ้น ให้กับนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชาย ในวันที่ 25 พษฤภาคม 2566 งบการเงินฉบับย่อของบริษัทไอทีวี และบริษัทย่อย ที่ระบุว่าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 มีการนำเสนอการลงสื่อให้กับกิจการที่เกี่ยวข้อง และวันที่ 28 เมษายน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา
นายเรืองไกร กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้เพื่อเตือนความจำนายพิธา และพรรคก้าวไกล ที่ตอบว่าจำไม่ได้ว่าโอนหุ้นไปเมื่อไหร่ ส่วนเอกสารงบการเงินฉบับย่อที่ตนนำมาเปิดเผยเป็นการบ่งชี้ว่าบริษัทมีการดำเนินธุรกิจสื่อ เอกสารสำคัญที่ควรจะดูก็คือ หมายเหตุประกอบงบการเงินไม่ใช่คำถามท้ายรายงานการประชุมที่มีการนำออกมาเผยแพร่กันในขณะนี้ โดยหมายเหตุข้อ 10 ซึ่งออก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 ระบุว่าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เขาทำธุรกิจสื่อแล้วตามที่เขาอธิบายเป็นสื่อมวลชน ไม่ได้กลับมาทำสถานีไอทีวีแล้ว เขาทำสื่ออื่นแล้ว
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งถือหุ้นในกิจการ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งกรณีนี้เข้าลักษณะของสื่อมวลชนใดๆ และการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีตก 3 คำร้องถือหุ้นสื่อของนายพิธา ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อ กกต. ประกาศรับรองผล ส.ส. นายพิธา มีสถานะเป็น ส.ส. แล้วตนก็จะยื่นร้องใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งยิ่งจะเป็นผลดี เพราะเรื่องจะไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ที่มีการเปิดคลิปรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นออกมากันในขณะนี้ไม่ใช่สาระสำคัญของประเด็นที่ร้อง เพราะกฎหมายเขียนว่าห้ามเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนใดๆ พยานหลักฐานที่ควรไปดูคือ
....1.นายพิธา ถือหุ้นตามทะเบียนผู้ถือหุ้นหรือไม่ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นตามรายงานการประชุม
...2.ทำธุรกิจสื่อมวลชนใดๆ ก็ไปดูวัตถุประสงค์การจดทะเบียนบริษัท และดูจากหมายเหตุงบการเงิน
ส่วนที่ระบุว่าศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำวินิจฉัยเมื่อปี 2556 ว่า บริษัทไอทีวี ปิดไปแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานการดำเนินกิจการวิทยุโทรทัศน์นั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับการที่นายพิธาถือหุ้นแล้วไม่ผิด เพราะกฎหมายห้ามผู้สมัครไม่ให้ถือหุ้นสื่อ ซึ่งนายพิธาก็มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวี 42,000 หุ้น โดยไม่ได้มีการระบุท้ายการถือหุ้นว่าเป็นผู้จัดการมรดก และหมายเหตุงบการเงินปี 2566 ของบริษัทก็ระบุว่าบริษัททำสื่อมวลชนแขนงอื่นนอกจากสถานีไอทีวีแล้ว เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 นี้
คำว่าสื่อมวลชนหมายความว่าอะไร รัฐธรรมนูญ 2550 ระบุถึงวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และเดี๋ยวนี้คำว่า แมส มีเดีย มันมีทั้งอนาล็อก และดิจิทัล ซี่งก็เข้าตามวิชาการอยู่แล้ว และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีของนายธนาธร ถือหุ้นบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ก็ไม่ได้ทำสถานีโทรทัศน์เหมือนกับไอทีวี หรือพิมพ์หนังสือเหมือนมติชน หรือไทยรัฐ แต่เขาพิมพ์หนังสืออื่น จึงไม่ต้องไปดูว่าไอทีวีมีการออกอากาศ หรือยุติการออกอากาศแล้ว จะแก้ประเด็นเอาเก่งๆ แม่นๆ หน่อย มีคนตั้งเป็นร้อย คนเชียร์ตั้ง 14 ล้าน หาคนเก่งไม่ได้เลยหรือ” นายเรืองไกร กล่าว.
ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวในฐานะที่เคยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล
การโอนหุ้นที่นายพิธาโอนให้นายภาษิณ ถ้านายพิธาโอนในฐานะผู้จัดการมรดก ต้องระบุไว้ในหลักฐานการโอนว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ผู้โอน นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้รับโอน แต่ตามหลักฐานที่นายเรืองไกรนำมาเปิดเผยระบุเพียงว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้โอน/ฝาก นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้รับโอน/ฝาก เท่านั้น เมื่อหลักฐานเป็นเช่นนี้จึงต้องฟังว่า หุ้นดังกล่าวเป็นของนายพิธา ไม่ใช่เป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
แต่แม้จะฟังว่าหุ้นดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งนายพิธาในฐานะทายาทของผู้ตายก็มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกหุ้นดังกล่าวส่วนหนึ่งที่ตกมาเป็นของนายพิธาตั้งแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599