โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ยินดีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตต่อเนื่อง นักลงทุนต่างชาติร่วมเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.9 พันล้านบาท
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย จากการเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 76 (Cannes Film Festival 2023) โดยผู้ประกอบการไทย จำนวน 10 บริษัท ได้รับการตอบรับอย่างดี สร้างมูลค่าเจรจาทางการค้าได้ถึง 1,986 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าเป็นโอกาสส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยในเวทีนานาชาติให้ก้าวหน้าต่อเนื่อง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 76 ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2566 โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการไทยจำนวน 10 บริษัท ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมภายในงานแสดงสินค้า Marché du Film ในช่วงเทศกาลภาพยนตร์ฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ตลาดซื้อขายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 14,000 ราย จาก 120 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทด้านผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และแอนิเมชัน (Film Production & Distribution) จำนวน 8 บริษัท และกลุ่มบริษัทด้านบริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ (Production & Post Production Services) รวมทั้งหน่วยงานของไทยยังได้นำคณะร่วมออกคูหานิทรรศการประเทศไทย (Thai Pavilion) ภายใต้แนวคิด “Filming in Thailand : All your Film Could Ever Need” ภายใน International Village เพื่อเชิญชวนคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย (Thai Pavilion) ภายใต้แนวคิด “Filming in Thailand : All your Film Could Ever Need” ภายใน International Village เพื่อเชิญชวนคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยผลเจรจาการค้าของไทย ว่า มีนักลงทุน ผู้สร้าง และผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทยทั้ง 10 บริษัท รวม 271 นัดหมาย สร้างมูลค่าเจรจาการค้าได้ 1,986 ล้านบาท ซึ่งมีผลการเจรจาการค้าที่สำคัญ เช่น การเจรจาการค้ากับบริษัทจากประเทศโปแลนด์ เวียดนาม และจีน ซึ่งสนใจซื้อภาพยนตร์ไทยจำนวนกว่า 20 เรื่อง เพื่อนำไปลงแพลตฟอร์มและฉายในโรงภาพยนตร์ รวมไปถึงเจรจาการค้ากับบริษัทจากสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซีย ที่ต้องการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ภายใต้มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย (Thailand Film Incentive Measures) ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบแก่กองถ่ายต่างประเทศ สอดคล้องกับข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เผยว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากทั่วโลกที่เลือกใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำถึง 3,600 เรื่อง สร้างรายได้กว่า 700 ล้านยูโร ซึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม เช่น Extraction, Fast & Furious 9, The Bodin in the Land of Smile และ The Greatest Beer Run Ever
“นายกรัฐมนตรียินดีกับความสำเร็จของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ สามารถแสดงศักยภาพ ภาพลักษณ์ที่ดี ตลอดจนสร้างรายได้ให้กับทุกภาคส่วนของธุรกิจ ทั้งการจ้างงานและกระจายรายได้ ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีการถ่ายทำในพื้นที่ ซึ่งสามารถต่อยอดสร้างรายได้หมุนเวียนสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ในอนาคต โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันอย่างต่อเนื่องผ่านการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่วัฒนธรรมไทย และสถานที่ท่องเที่ยวไทยให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก รวมทั้งจัดมาตรการส่งเสริมที่ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศให้ครอบคลุมในทุกมิติ” นายอนุชา กล่าว