ศาลปกครองสูงสุด ยืนไม่รับฟ้อง คดีสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ฟ้อง รมว.และ ปลัด สธ.พร้อมพวก ขอให้สั่งระงับจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์รักษาโควิด-19 ชี้ เป็นกรณีที่ไม่อาจออกคำบังคับได้ ผู้ฟ้องไม่มีสิทธิฟ้องคดี
วันนี้ (7 มิ.ย.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่มี นายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นนายกสมาคม ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ปลัด สธ. อธิบดีกรมการแพทย์เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ขอให้สั่งกระทรวงสาธารณสุขระงับการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) มาใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ทั้งนี้ ศาลฯ เห็นว่า การที่ยื่นฟ้องให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ระงับการจัดซื้อหายาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากมีข้อเท็จจริงว่า ยาไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด-19 และอ้างข้อเท็จจริงว่า ยาฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพในการรักษาดีกว่านั้น เมื่อการดำเนินการจัดหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับเวชภัณฑ์เพื่อป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อของผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 เพื่อควบคุมมิให้โรคแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง ซึ่งการดำเนินการจัดหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับเวชภัณฑ์เพื่อป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการจัดซื้อยาเป็นงานทางนโยบายการสาธารณสุขของประเทศภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการที่ศาลฯจะบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 พิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงของผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องเป็นผลสืบเนื่องมาจากผลการศึกษาวิจัยในทางวิชาการอย่างชัดเจนเป็นที่ยอมรับในวิชาการทางการแพทย์ซึ่งเป็นเรื่องการวิจัยทางการแพทย์ในเรื่องการใช้ยารักษาโรคโควิด-19 ซึ่งต้องศึกษาและทำการวิจัยโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านยาโดยเฉพาะประกอบกับการศึกษาวิจัยทางการแพทย์กรณีนี้ต้องอนุมัติเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวอันเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ศาลปกครองจึงไม่อาจก้าวล่วงไปพิจารณาให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ระงับการจัดซื้อจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงของผู้ป่วยที่ได้รับยาดังกล่าวและกำหนดมาตรการ หรือกลไกที่ชัดเจนเกี่ยวกับการชดเชยดูแลค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ภายในเวลาที่ศาลฯกำหนดได้ ดังนั้น คำฟ้องและคำขอของสมาคมฯ จึงเป็นกรณีที่ศาลฯ ไม่อาจออกคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา 72 วรรคหนึ่ง(2) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 สมาคมฯจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งกฎหมายเดียวกัน