วันนี้ ( 6 มิ.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการต้องการรับปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้เอาผิดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม กรณีการเสนอออก พ.ร.ก.เลื่อนการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 อันเข้าข่ายจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ รมว.ยุติธรรมในขณะนั้น ได้เสนอให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ออก พ.ร.ก.เลื่อนการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันการทรมาน อุ้มหาย ออกไปจากเดิมที่กฎหมายดังกล่าวต้องถูกนำมาบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ.66 แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กลับใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 172 วรรคแรก ในการออก พ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้ออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค.66 โดยอ้างว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีความพร้อมด้านการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์การบันทึกภาพในขณะจับกุมและคุมขังบนรถและห้องขังในสถานีตำรวจ แต่พ.ร.ก.ดังกล่าวถูก ส.ส.จำนวน 99 คนเข้าชื่อกันเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 หรือไม่ ซึ่งในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยออกมา 8 ต่อ 1 เมื่อวันที่ 18 พ.ค.66 ที่ผ่านมาว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ทำให้ พ.ร.ก.ดังกล่าวตกไปไม่มีผลบังคับใช้ ทำให้กฎหมายอุ้มหายต้องย้อนกลับไปบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ.66 ตามที่กฎหมายกำหนดแต่เดิม
" การที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจในการประวิงเวลาการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทรมาน/อุ้มหายดังกล่าว เป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลจงใจที่จะฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหลายมาตรา โดยเฉพาะ มาตรา 53 จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้แล้วนั้น การกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชาติบ้านเมือง ระบบนิติรัฐ นิติธรรม สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงร่วมมือกับญาติวีรชนพฤษภา 2535 นำความมาร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน เอาผิดรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อชี้ให้เห็นถึงมาตรฐานทางจริยธรรมที่ผู้ใช้อำนาจฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบ ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของการใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดต่อไป"
นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อไอทีวี ว่า ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเอง กกต. ก็ทำไปตามขั้นตอน ซึ่งเรื่องนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับการถือหุ้นของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเหตุเกิดขึ้นระหว่างการรับรอง ส.ส. เช่นกัน ดังนั้นต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง ประชาชนก็ควรรับฟัง