เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จวก “ก้าวไกล - เพื่อไทย - ประชาชาติ” กลับกลอก เคยร่วมลงมติถอนกัญชาจากยาเสพติดตามผลศึกษาของ กมธ.ฯ แต่วันนี้จะกลับลำเปลี่ยนมติของตัวเอง ยึดประโยชน์พรรคมากกว่าข้อเท็จจริง เตือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็จะผิดพลาดตลอดเส้นทาง
จากกรณี 8 พรรคการเมืองนำโดยพรรคก้าวไกลได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน(MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยใน MOU ข้อ 16 ได้ระบุว่า จะนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดให้โทษนั้น เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ประสิทธิ์ชัย หนูนวล แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า นักการเมืองอย่างไรเสียก็ตัดสินใจนโยบายตามผลประโยชน์ทางการเมือง
กรณีกัญชานั้นชี้ให้เห็นความกลับกลอกของนักการเมืองได้เป็นอย่างดี พวกเขาพูดอย่างหนึ่งแล้วก็เปลี่ยนไปในเวลาไม่กี่เดือน
พวกเขาตัดสินเรื่องกัญชาโดยละทิ้งข้อเท็จจริง
สภาผู้แทนราษฏรได้มีมติตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)ขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อ 'ศึกษาปัญหา กัญชา กัญชง กระท่อม' โดยการศึกษาของ กมธ.ชุดนี้มีข้อสรุปร่วมกันว่า
'ต้องเอากัญชาออกจากบัญชียาเสพติด' และ ยังเสนอแนวทางของการนำประโยชน์จากกัญชามาใช้อย่างเป็นระบบ
พวกเขาลงมติกันเป็นที่เรียบร้อยว่า 'ต้องเอากัญชาออกจากบัญชียาเสพติด' พอมาถึงวันนี้พวกเขา 'เปลี่ยนมติของตัวเอง'
กรรมาธิการชุดนี้มิได้มีเฉพาะ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายเข้ามาร่วม ฉะนั้นงานศึกษาชิ้นนี้จึงทำอย่างเป็นระบบ ภายใต้มาตรฐานการทำงานของกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร
คำถามคือ
3 พรรคการเมืองกลับลำจากงานการศึกษาที่ตัวเองมีส่วนในการศึกษาและลงมติไว้ 'พรรคก้าวไกล - เพื่อไทย - ประชาชาติ' มีแนวทางร่วมกันว่า ต้องเอากัญชาสู่ยาเสพติด เป็นการประกาศนโยบายสวนทางกับที่ตัวเองศึกษาและลงมติเอาไว้
สิ่งที่หนักหนาสาหัสกว่านั้นก็คือว่า การทำงานของพรรคการเมืองยึดถือผลประโยชน์พรรคเป็นหลัก การตัดสินใจไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง แม้กระทั่งสิ่งที่ตัวเองลงมติไว้ยังกลับลำได้
ถ้าหากการกลับลำนั้นเป็นการค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ที่ร้ายแรงกว่าวันที่ กมธ.ลงมือศึกษานั้นย่อมรับได้ แต่นี่เปล่าเลย นั่นแสดงให้เห็นว่า พรรคการเมืองตัดสินใจบนฐานคะแนนเสียงไม่ใช่ข้อเท็จจริง พฤติกรรมนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคที่สถาปนาตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
สำหรับ 3 พรรคการเมืองนี้ การตัดสินใจเรื่องกัญชามิใช่เป็นไปด้วยความไม่รู้แต่ตัดสินใจบนผลประโยชน์ทางการเมือง แม้ว่าต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
ประเทศนี้จะไม่สามารถผลิตนโยบายที่มีประสิทธิภาพแก้ปัญหาประเทศได้จริงหากฐานตั้งต้นไม่ได้เกิดจากข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน กับวันนี้ที่เราวาดหวังว่ากระบวนการทางนโยบายจะเปลี่ยนแปลง
กระบวนการทางนโยบายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากยึดถือกระแสมากกว่าข้อเท็จจริง การเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นจากกระบวนการไม่ใช่กระแส
เมื่อผลการสำรวจความเห็นของคนส่วนใหญ่บอกว่าไม่เอากัญชา พรรคเหล่านี้ก็เดินตาม โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงที่ศึกษาไว้แล้ว ฉะนั้นเมื่อกระดุมเม็ดแรกติดผิดพลาดตลอดเส้นทางก็จะเต็มไปด้วยความผิดพลาด วิธีแก้ปัญหาแบบนี้คืออย่าดึงดันอีกต่อไปและให้หันกลับมาเริ่มต้นที่กระดุมเม็ดแรกเสียใหม่ นั่นคือ กลับมาพิจารณาที่ข้อเท็จจริง
ได้โปรดหันกลับมาเถอะครับ