xs
xsm
sm
md
lg

แบไต๋? “อานนท์” ลั่น ไม่เอาประธานสภา แบบเชื่องๆ กราบๆ “พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง” ถึงลูกผู้โหยหา “ปชต.- เสรีภาพ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายอานนท์ นำภา จากแฟ้ม
อย่างนี้นี่เอง? “อานนท์” ลั่น ไม่เอาประธานสภา แบบเชื่องๆ กราบๆ หวั่นปิดประตูปฏิรูปสถาบันฯ ชาวเน็ตแห่แชร์จม.จาก “พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง” เขียนถึงลูกที่โหยหา “ประชาธิปไตย-เสรีภาพ” ความปวดร้าวแห่งยุคสมัย

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 พ.ค. 66) นายอานนท์ นำภา ทนายความ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” หรือ ชาว 3 นิ้ว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

“ความแหลมคมของประธานสภา รอบนี้คือ คนที่จะบรรจุญัตติหรือกฎหมายอีกหลายฉบับเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และประธานเป็นคนปิด-เปิดไมค์ ไม่ให้ ส.ส. พูดถึงสถาบันกษัตริย์ในสภา

ถ้าได้ประธานเชื่องๆ กราบๆ ก็ปิดประตูปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในสภาได้เลย”

.
ขณะเดียวกัน ชาวเน็ตมีการแชร์ต่อข้อความของผู้เขียนที่ใช้ชื่อว่า “พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง” เขียนถึงลูก มีเนื้อหาว่า

“ถึง ลูกรัก

พ่อติดตามข่าวที่ลูกเรียกร้อง “ประชาธิปไตย” และ “เสรีภาพ” แล้ว พ่อรู้สึกแปลกใจ ที่เราอยู่กันมาตั้งแต่ลูกเกิด ทะนุถนอมอบรมมาอย่างดี แต่ลูกกลับไปเชื่อ “ใครก็ไม่รู้” ที่ไม่เคยแม้แต่จะให้เงินลูกสักบาท ให้กินข้าวสักจาน จนลืมคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่อย่างไรก็ดี พ่อเคารพความคิดเห็นของลูกเสมอ จะไม่ตำหนิติติงอะไร แต่จะปรับตัวประพฤติปฏิบัติให้ดีขึ้นตามที่ลูกต้องการ ดังนั้น พ่อกับแม่จึงคิดว่า ถึงเวลาที่เราควรจะทบทวนปรับตัวให้เข้ากับ “เสรีภาพ” ตามที่ลูกต้องการ พ่อจึงอยากจะแจ้งให้ลูกทราบดังนี้

1. บุญคุณต่อกัน คงไม่มีตามที่ลูกบอกว่า ลูกเกิดมาเพราะความสนุกของพ่อแม่ จึงไม่มีบุญคุณต่อตัวลูก ไม่ว่าจะเป็นการอดหลับอดนอนเลี้ยงดู ข้าวปลาอาหาร และอื่นๆ ที่เคยหยิบยื่นให้ ซึ่งทั้งหมดนั้นพ่อและแม่ไม่คิด ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแม้ลูกจะไม่เต็มใจก็ตาม

2. ค่าใช้จ่ายที่พ่อเคยให้ลูกใช้ในแต่ละเดือนนั้น พ่อคิดว่ามันเป็นการละเมิด “สิทธิเสรีภาพ” ของพ่อ เพราะเงินที่หามาได้นั้น มาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อ พ่อจึงควรมี “สิทธิเสรีภาพ” ในการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ควรให้ลูกละเมิดสิทธิของพ่อโดยการนำเงินของพ่อไปใช้ ดังนั้น พ่อจะตัดค่าใช้จ่ายที่เคยให้ลูกลงครึ่งหนึ่ง โดยในส่วนที่เหลือ เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ “บุพการี” ที่รักสนุกจนทำให้ลูกเกิดมา ถือว่าเราใช้ “สิทธิเสรีภาพ” ในขอบเขตของแต่ละคนตามที่ลูกต้องการ

3. ค่าที่พัก จริงๆ แล้ว บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อกับแม่ โดยมีลูกเป็นผู้อาศัย หรือเปรียบดังผู้เช่าที่สมควรจะเสียค่าเช่า ซึ่งตลอดมา ลูกไม่เคยจ่ายค่าเช่าเลยแม้แต่บาทเดียว รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เคยเสีย แต่ไม่เป็นไร พ่อยินดีให้อยู่ฟรีๆ แต่จากนี้ เราต้องเคารพ “สิทธิเสรีภาพ” ตามที่ลูกแสวงหา ดังนั้น ในเมื่อลูกใช้น้ำใช้ไฟที่พ่อไม่ได้ผลิตเอง แต่ซื้อมา ลูกจึงต้องรักษาเสรีภาพด้วยการ “ใช้เอง จ่ายเอง” ทั้งค่าน้ำค่าไฟ จะได้เท่าเทียมกัน เพราะพ่อกับแม่ก็ใช้เอง จ่ายเอง อย่างเสมอภาคเช่นเดียวกัน

4. อาหารการกิน เพื่อให้มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค และเพื่อให้ทันสมัยตามที่ลูกต้องการ นับจากนี้ พ่อกับแม่จะหันไปสั่งอาหารฟู๊ด แพนด้า มากินตามที่พ่อและแม่อยากกิน ส่วนลูกจะกินอะไร ก็แล้วแต่เสรีภาพของลูก โดยขอให้จ่ายเงินเองเพื่อความเสมอภาค หรือต้องการหุงหากินเอง ก็ใช้สิทธิได้เต็มที่ เพราะแม่เตรียมเอาไว้ให้แล้วในครัวโดยไม่คิดเงิน

5. เรื่องมรดก เพราะเราไม่มีบุญคุณต่อกัน ดังนั้น ลูกไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเป็นภาระเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ขอให้ลูกเดินตามความฝันที่ลูกต้องการ เพราะอีกไม่นานพ่อกับแม่ก็คงตายแล้วตามที่ลูกๆ ด่าทอ และเพื่อตายอย่างสงบและไม่ให้เป็นภาระของลูกๆ พ่อจึงจัดการมรดกที่พอมีของพ่อ ทั้งบ้านและที่ดิน ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ พ่อจะเริ่มทยอยขายให้หมดก่อนพ่อตาย โดยเงินที่ขายมาได้นี้ พ่อจะแบ่งให้ลูกครึ่งหนึ่งในฐานะบุพการี ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง พ่อและแม่จะเก็บไว้กินไว้ใช้ รวมทั้งเอาไว้จัดงานศพ ส่วนที่เหลือจากจัดงานแล้ว ถือว่าเป็น “สิทธิเสรีภาพ” ของพ่อ พ่อจึงขอถวายวัดไปเพื่อสั่งสมบุญไปใช้ในภพหน้า

6. พ่อจะไม่บั่นทอนกำลังใจของลูกในการตามหา “เสรีภาพ” ในฝันตามที่ถูกสร้างวิมานไว้ แต่อยากให้ลูกคิดให้จงหนักว่าคนที่เขาวาดฝันให้ลูกนั้น เขามาเสี่ยงตายกับลูกหรือไม่ แต่สำหรับพ่อและแม่แล้ว หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่คงใจสลาย เพราะความรัก ซึ่งแม้จะเป็นความรักที่ลูกไม่เคยเห็นค่าเลยก็ตาม พ่อจึงขออวยพรให้ลูกปราศจากอันตรายทั้งปวง

7. เรื่องสุดท้าย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ต่อจากนี้ ลูกจะเรียกพ่อกับแม่ว่า “คุณ” เฉยๆ ก็ได้นะ ส่วนพ่อกับแม่จะขออนุญาตเรียกลูกว่า “ลูก” ตลอดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น