คนที่โพสต์ด่าคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 คน ลงประกาศขอโทษผ่านเฟซบุ๊กของตนเองเป็นเวลา 90 วัน หลังถูกดำเนินคดีก่อนไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ขณะที่ รศ.อัศวิณีย์ ลั่น ความขัดแย้งเกิดจากไม่ยอมรับความเห็นต่าง ถึงเวลาหยุดใช้ความรุนแรงก้าวร้าว ให้ร้ายคนเห็นต่างหรือยัง
วันนี้ (25 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในเฟซบุ๊ก Asawinee Wanjing ของ รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีคู่กรณีโพสต์ข้อความประกาศขออภัยอย่างน้อย 2 ราย รายหนึ่งระบุว่า จากกรณีที่ได้กระทำความผิดต่อ รศ.อัศวิณีย์ ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตนเอง โดยมีเนื้อหาคล้ายกัน คือ ตามที่ตนเองได้กระทำความผิดต่อ รศ.อัศวิณีย์ ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ด้วยข้อความที่ไม่เป็นความจริง ทำให้บุคคลในสังคมออนไลน์ ประชาชนที่ติดตามข่าวสาร และประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า รศ.อัศวิณีย์ เป็นคนไม่ดี ซึ่งความจริงแล้ว รศ.อัศวิณีย์มิได้มีพฤติกรรมตามที่ตนเคยกล่าวหาแต่อย่างใด
ในวันที่ตนมาศาลและได้พบพูดคุยกับอาจารย์ ทำให้ตนรู้สึกผิด เพราะอาจารย์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อาจารย์เป็นผู้มีความเมตตากรุณา ให้ความเป็นกันเองกับตนและครอบครัว อาจารย์รับฟังคำขอโทษและยกโทษให้ ตนต้องขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ยอมรับคำขอโทษ จากเหตุที่ตนโพสต์ข้อความไม่เหมาะสม เพราะความเข้าใจผิด ซึ่งได้รับรู้มาไม่ถูกต้อง ข้อความทั้งหมดที่ได้เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ เกิดขึ้นโดยตนมิได้กลั่นกรองข้อมูลให้ครบถ้วนเสียก่อน และได้กระทำไปโดยขาดความยั้งคิดไตร่ตรอง ทำให้ข้อความที่ไม่เป็นความจริงปรากฏต่อสาธารณชน จนทำให้ รศ.อัศวิณีย์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และได้รับความอับอาย
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนได้เรียนรู้ว่า การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางออนไลน์ ต้องไม่เป็นการคุกคามและกระทบต่อสิทธิเสรีภาพต่อผู้อื่น ตนจะโพสต์ข้อความนี้ และเปิดเป็นสาธารณะผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตน และแท็กบัญชีเฟซบุ๊ก “Asawinee Wanjing” ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 99 วัน ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจและขอโทษ รศ.อัศวิณีย์ มา ณ ที่นี้ด้วย
อีกรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า จากกรณีที่ตนได้กระทำความผิดต่อ รศ.อัศวิณีย์ ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตน ด้วยข้อความที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารในทางออนไลน์เข้าใจว่า รศ.อัศวิณีย์ เป็นคนไม่ดี ซึ่งความจริงแล้ว รศ.อัศวิณีย์ มิได้มีพฤติกรรมตามที่ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวหาแต่อย่างใด
ณ วันที่ตนและครอบครัวได้เดินทางมายังศาล และได้พูดคุยกับ รศ.อัศวิณีย์ ทำให้ตนได้ทราบว่าอาจารย์ไม่ได้เป็นคนอย่างที่ตนเคยเข้าใจผิด อาจารย์เป็นผู้มีความเมตตา ให้ข้อคิดคำสอน เปรียบเสมือนตนเป็นศิษย์คนหนึ่ง ตนต้องกราบขอโทษอาจารย์อัศวิณีย์ ที่ได้เคยกระทำผิด แชร์โพสต์ และตอบกลับคอมเมนต์จนทำให้เกิดความเสียหายต่ออาจารย์ ส่งผลให้เสื่อมเสียต่อเกียรติและชื่อเสียงของอาจารย์ ถึงแม้เป็นเรื่องยากที่จะสามารถให้อภัยได้ เนื่องจากการรับข้อมูลผิดๆ โดยไม่ได้ไตร่ตรองเป็นอย่างดี ไม่ทราบถึงข้อเท็จจริง และข้อความทั้งหมดที่ตนได้เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสม และไม่เป็นความจริงปรากฏต่อสาธารณชน เป็นเหตุให้ รศ.อัศวิณีย์ ได้รับความเสียหายต่อเกียรติและชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ถูกเกลียดชัง และได้รับความอับอาย
จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ตนได้ตระหนักว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก หรือแสดงความคิดเห็น เว้นแต่จะไม่เป็นการไปละเมิดผู้อื่นหรือกฎหมาย ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นการกระทำโดยชอบธรรม รวมถึงการบริโภคสื่อ หรือรับข้อมูลข่าวสาร ต้องใช้วิจารณญาณ และการคิด วิเคราะห์ ก่อนส่งต่อข้อมูลที่อาจถูกบิดเบือน และนำไปสู่การสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น ตนจะโพสต์ข้อความนี้ และเปิดเป็นสาธารณะผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของตน และแท็กบัญชีเฟซบุ๊ก Asawinee Wanjing โดยตั้งค่าปักหมุดโพสต์นี้เป็นหน้าข้อความแรก ตลอดระยะเวลา 90 วัน ตนต้องขอแสดงความเสียใจและขอโทษ รศ.อัศวิณีย์ เป็นอย่างสูง มา ณ ที่นี้
ด้าน รศ.อัศวิณีย์โพสต์ข้อความระบุว่า การแสดงออกในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกทางความคิด ความเชื่อ ความศรัทธาของตน และทุกคนก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้ แต่ทุกวันนี้ความขัดแย้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นในสังคมวงกว้างหรือที่เกิดขึ้นกับตัวบุคคล คือการไม่ยอมรับความคิดต่าง
"ถึงเวลาหรือยังที่จะหยุดใช้ความรุนแรงก้าวร้าวทางวาจา การให้ร้ายฝ่ายที่เห็นต่าง เพราะการยอมรับความหลากหลายทางความคิด คือประชาธิปไตยที่แท้จริง" รศ.อัศวิณีย์กล่าว
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่