“ส.ว.กิตติศักดิ์” ยัน ไม่โหวตให้ “พิธา” ล้านเปอร์เซ็นต์ มอง แก้ ม.112 ไม่มีใน MOU แต่เชื่อ ต้องผลักดันแก้ มิเช่นนั้น “ไม่แก้ เดี๋ยวไม่มีกู” ลั่นจะด่าใครไม่ว่า แต่ถ้าแตะเบื้องสูง กิตติศักดิ์ไม่ยอมครับ!
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 พ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน 1. ให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับการเสนอชื่อ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2. ให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 3. ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ 4. ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวก่อนการประชุมย้ำจุดยืนการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า คำไหนคำนั้น โดยเหตุผลที่ไม่เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เพราะมีการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้ง และเข่นฆ่าคนไทยด้วยกัน จึงไม่เห็นสมควรที่จะให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า วันนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมมากดดันให้ ส.ว.โหวต นายพิธา เป็นนายกฯ กังวลหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ทราบเบื้องต้นว่า กลุ่มที่มาชุมนุมวันนี้มาด้วยความมิตรไมตรี เจตนาเพื่อมาแจ้งให้ ส.ว.รับทราบว่าต้องการอะไร ตนเห็นว่า เป็นสีสันของประชาธิปไตยในการที่เห็นต่างหรือผู้ที่มาประท้วง ซึ่งไม่ใช่ปัญหา โดยตนเห็นว่า ถ้าหากมีการพูดจากันดีๆก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าจะมาข่มขู่กดดันนั้นไม่มีผล
ส่วนที่พรรคก้าวไกลพยายามชี้แจงเกี่ยวกับการแก้ไข ม.112 หลายช่องทาง จะไม่เป็นผลในการตัดสินใจเรื่องการโหวตนายกฯเลยหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า เป็นการชี้เจตนาที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นทูตอเมริกามายุ่งเกี่ยวก้าวก่าย หรือเร่งรัดการเลือกตั้งของไทย ซึ่งโดยกติกามารยาทระหว่างประเทศ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่า เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ที่ไม่ได้เขียนลงไปใน MOU ก็ยังรับไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า แล้วมีความจำเป็นอย่างไร ตนฟังในการแถลง MOU เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) นายพิธา ยืนยันแม้ไม่ได้อยู่ใน MOU แต่จะยื่นเสนอเข้ามาในสภา ซึ่งตนเห็นว่า เป็นปัญหาของนายพิธา และพรรคก้าวไกล เพราะไปหาเสียง ดังนั้น ไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่แก้ก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่แก้ เดี๋ยวไม่มีกู ฉะนั้น สร้างปัญหาเองก็ต้องไปแก้ปัญหาเอง เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องกลั่นกรอง ฉะนั้นเราต้องพิจารณาคนที่มานำพวกเรา ส่วนตัวยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ กิตติศักดิ์ ไม่โหวตให้นายพิธา
เมื่อถามว่า ม.112 ไม่ได้ระบุใน MOU และอาจไม่ผ่านในสภาก็ได้ จะไม่นำมาพิจารณาในการตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีหลักว่า การเมืองให้อยู่ในการเมือง
“คุณจะด่าใคร ด่าลุงด่าป้าด่าน้าด่าอา ผมไม่ว่า แต่ถ้าเลยขอบเขตไปแตะเบื้องสูง กิตติศักดิ์ไม่ยอมครับ”
เมื่อถามว่า มี ส.ว.หลายคนหรือไม่ที่คิดแบบนี้ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ ส.ว.แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ สนับสนุนนายพิธา ตามระบบกลไกของประชาธิปไตย อีกกลุ่มคืองดออกเสียง ซึ่งทั้งสองกลุ่มวัดได้ว่างดออกเสียงมากกว่า
เมื่อถามว่า กลุ่มที่งดออกเสียงเกิน 150 เสียงหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ ระบุว่า ไม่บอกตัวเลขดีกว่า
เมื่อถามว่า กลุ่มที่ไม่โหวตให้กับนายพิธามีจำนวนเท่าไหร่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อก่อนนี้ จะมีเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง แต่ปัจจุบันเหลือแค่สนับสนุนนายพิธา และงดออกเสียง
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกิตติศักดิ์ จะอยู่ในกลุ่มงดออกเสียงใช่หรือไม่ นายกันติศักดิ์ ปฏิเสธว่าไม่ เพราะยืนยันแล้วว่า ไม่สนับสนุน ฉะนั้น ก็คือไม่เห็นชอบเพียงคนเดียว ส่วนจะมีคนอื่นตามหรือไม่ ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ไม่กลัวสังคมกดดันใช่หรือไม่นายกิตติศักดิ์ ระบุว่า สักวันหนึ่งกิตติศักดิ์จากโลกนี้ไปแล้ว ลูกหลานอาจจะนึกถึงก็ได้ ว่านายกิตติศักดิ์ตัดสินใจถูก
ต่อข้อถามว่า กลุ่มชาวนาเห็นด้วยกับนายกิตติศักดิ์หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่บังอาจไปคิด แต่คนที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไม่เอาด้วยอย่างแน่นอน จะเห็นว่า การสนับสนุนให้กำลังใจตน มาจากทั่วประเทศ แต่ตนบอกว่า เราคนไทยด้วยกันไม่ควรทะเลาะฆ่ากันเอง เพราะฉะนั้นตนไม่สนับสนุนให้มีม็อบ
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลได้ส่งคณะเจรจามาพูดคุยกับนายกิตติศักดิ์หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีใครมาพูดคุยเจรจากับตนเอง อาจจะเป็นเพราะตนเป็น ส.ว.ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่จะคุยกับ ส.ว.ผู้ใหญ่หรือไม่ก็ไม่ทราบ และในวันนี้ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันนอกกรอบในกลุ่มของ ส.ว.แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่อาคารรัฐสภา มาตรการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวด บุคคลที่เข้า-ออก ภายในอาคารฝั่งวุฒิสภา จะต้องมีบัตรประจำตัวบุคลากรของรัฐสภา ขณะที่การทำงานของสื่อมวลชนในวันนี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวุฒิสภาแจ้งให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติในติดตามการทำข่าวการประชุมวุฒิสภา ในวันนี้ (23 พ.ค.) ว่า ให้ใช้พื้นที่บริเวณ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) เท่านั้น ซึ่งการสัมภาษณ์หรือทำข่าวต่างๆ สามารถเข้าเก็บภาพหรือทำข่าวในห้องประชุมวุฒิสภา ณ ห้องทำข่าวสื่อมวลชน ชั้น 3 ได้ตามปกติ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าบริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สว.) โดยเด็ดขาด ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาประจำการที่อาคารรัฐสภา ในช่วงบ่าย จำนวน 4 กองร้อย