‘โรม’ ซัด ‘พีระพันธุ์’ เป็นใคร จึงไล่ ปชช. ผู้มีอำนาจสูงสุด ระบุ ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ ชี้ ความคิดแช่แข็งประเทศ อันตราย ไม่ก้าวหน้า ถ้าคิดทำเพื่อชาติ แนะใช้อำนาจปกป้องประชาชน
วันนี้ (10 เม.ย.) นายรังสิมันต์ โรม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ สำนักงานใหญ่พรรคก้าวไกล ต่อกรณีการปราศรัยของ นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีเนื้อหาเชิงขับไล่คนเห็นต่างออกนอกประเทศ และหากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาลก็จะจัดการกับพวกชังชาติ
นายรังสิมันต์ กล่าวตั้งคำถามว่า นายพีระพันธ์ุ ที่เป็นนักการเมือง เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นใคร ? จึงมาไล่ประชาชนผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ชาติ คือ ประชาชน ทุกคนมีสิทธิที่จะอยู่ในประเทศนี้ นักการเมืองที่ต้องการจะเป็นรัฐบาลไม่มีสิทธิไล่ทั้งสิ้น เพราะคุณไม่ใช่เจ้าของประเทศคนเดียว ทั้งนี้ ในสังคมประชาธิปไตย การที่คนมีความเห็นต่างกันเป็นเรื่องปกติมาก
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นอดีต ส.ส. และเคยนั่งอยู่ในกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน แต่กลับไม่เข้าใจเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนเสียได้ ถือเป็นเรื่องประหลาด
นอกจากนี้ ความคิดที่จะแช่แข็งประเทศของ นายพีระพันธุ์ ถือเป็นความคิดที่อันตราย คนแบบนี้ไม่ควรจะเสนอตัวมาเป็นนักการเมืองเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน การบอกว่าสังคมต้องเหมือนเดิม ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าต่อให้เดือดร้อนแค่ไหน ประชาชนก็ต้องทนอยู่แบบเดิมใช่หรือไม่ ความคิดเช่นนี้ไม่มีทางทำให้สังคมก้าวหน้าได้เด็ดขาด การไปตราหน้าคนต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศว่าเป็นพวกชังชาติ ต้องบอกว่า พวกเขากำลังใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเรียกร้องโดยไม่ได้ใช้อาวุธยึดอำนาจจากใคร แต่กำลังปกป้องเสรีภาพที่มักจะโดนคนอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดไป
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า หาก นายพีระพันธ์ุ อยากทำเพื่อชาติจริงๆ ก็ควรใช้อำนาจปกป้องประชาชน ซึ่งวาระหนึ่งที่สำคัญ ขณะที่ส่วนตัวได้เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล ได้ไปลงพื้นที่ทั่วประเทศ พบว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรง จึงขอถามว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาได้ดีแล้วหรือไม่
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังมองว่า เนื้อหาการปราศรัยของ นายพีระพันธุ์ เข้าข่ายการใช้สถาบันหาเสียง และไม่ใช่ครั้งแรก ถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงคาดหวังว่าทุกพรรคการเมืองจะปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน และยังเป็นการพูดเพื่อกลบเกลื่อนนโยบายที่ควรจะมี และเป็นการสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นผลดีต่อการเลือกตั้ง