“สนธิญา” ร้อง กกต.สอบ 2 นโยบายเพื่อไทยเติมเงินหมื่น-ถมทะเลบางขุนเทียน เข้าข่ายประชานิยม ห่วงซ้ำรอยเวเนซุเอลา ทำเศรษฐกิจประเทศพัง เพราะประเทศไทยมีรายได้มาจากการเกษตร ขายข้าว และรายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น
วันนี้ ( 10 เม.ย.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบ กรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบาย ฟลัดเวย์ เพื่อระบายน้ำลงทะเลทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา ป้องกันน้ำไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ โดยจะถมทะเลบางขุนเทียนจนถึงสมุทรปราการ สมุทรสาคร และนโยบายแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท เนื่องจากมองว่า 2 นโยบาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 258 ก ด้านการเมือง (3) และ ประกอบ (2) การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง โดยเปิดเผยและตรวจสอบได้
ทั้งนี้ นายสนธิญา กล่าวว่าคนอายุ 16 ปีขึ้นไป ในประเทศไทยมีประมาณ 54 ล้านคน ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 5.4 แสนกว่าล้านบาท หมายความว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลนั้นจะหักเงินมาจากกระทรวงใด หรือจากงบกลาง ซึ่งจะกระทบเป็นวงกว้างเพราะเงินจำนวนดังกล่าวเท่ากับรายจ่าย 20% ของประเทศไทยทั้งปี จึงมาร้องต่อ กกต. โดยอาศัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 เพื่อให้กกต.ได้พิจารณาวินิจฉัยตรวจสอบตาม มาตรา 244(5) เนื่องจากทุกพรรคการเมืองที่จะเสนอนโยบายจะต้องชี้แจงเงินที่มา ความเสี่ยง สิ่งที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการนั้นๆ ดังนั้น ขอเตือนไปยังพรรคเพื่อไทย ว่าโปรดระมัดระวังว่าเมื่อใดที่นโยบายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง ไม่สามารถทำได้เท่ากับหลอกลวงเพื่อให้ได้คะแนนนิยม จะนำไปสู่ความผิดตามกฎหมาย มาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีสิทธิ์ที่จะถูกยุบพรรคได้
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า หากเป็นการเสนอนโยบายโดยที่ไม่มีการศึกษาหรือดำเนินการใดมาก่อนจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 258(3) ดังนั้น กกต.ต้องชี้ว่านโยบายทำได้หรือไม่ได้ ถูกต้องตามกระบวนการกฎหมายหรือไม่ ไม่ใช่เพียงบอกว่ามาชี้แจงแล้ว ไม่เช่นนั้น เรื่องนี้ต้องไปถึง ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้หลายพรรคการเมืองเสนอนโยบายเป็นประชานิยม ไม่อยากเห็นประเทศไทยเป็นเวเนซุเอลา ที่ประชานิยม ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยมีรายได้มาจากการเกษตร ขายข้าวและรายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น