"ศรีสุวรรณ" บุกยื่นคำร้อง กกต.สอบ "เศรษฐา-เพื่อไทย" สัญญาว่าจะให้เงินดิจิทัล 10,000 บาทแต่ไม่พูดคนรับต้องเสียภาษี 15% ชอบหรือไม่ บอกความจริงไม่หมดเข้าข่ายหลอกหลวงจูงใจ แถมเสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน
วันนี้ (10เม.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัยกรณีนายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 54 ล้านคนๆละ 10,000 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยไม่บอกความจริงให้หมด เป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับหรือไม่ อย่างไร
ทั้งนี้การหาเสียงแจกเงินดิจิทัลดังกล่าวเป็นการใช้ประชานิยมสุดขั้วนั้น อาจก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประโยชน์ของประชาชนวงกว้างทั้งทางบวกและทางลบ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อวินัยทางการเงินการคลังของรัฐอาจขัดต่อพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 และพรบ.วิธีการงบประมาณ 2561
นอกจากนี้การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 ประกอบ พรก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) 2561 โดยเคร่งครัด โดยจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ซึ่งเงินจะเหลือถึงประชาชนจริงๆเพียง 8,500 บาท เมื่อสิ้นปีภาษีต้องแจ้งเป็นรายรับต่อสรรพากร รวมทั้งร้านค้าที่รับเงินดิจิทัลด้วย การบอกความจริงไม่หมดจึงเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงจูงใจให้เข้าใจผิด ตาม ม.73(5) ของพ.ร.ป.เลือกตั้ง 2561
ที่สำคัญ กรณีนี้สุ่มเสี่ยงต่อเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนายเศรษฐา เคยเป็นผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน แล้ววันนี้จะระบุว่าโอนหุ้นทั้งหมดให้ลูกสาวและลาออกจากผู้บริหารในบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) แต่สังคมจะวางใจได้อย่างไรว่า การประกาศแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะไม่เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับอดีตธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของนายเศรษฐา และยังอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.44 แห่งพรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 ด้วยหรือไม่
นอกจากนั้น การหาเสียงแจกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยดังกล่าว กกต.ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนทราบถึงคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยที่รายงานมายัง กกต.ด้วยว่า 1.วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดําเนินการมาจากแหล่งใด 2.ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดําเนินนโยบาย 3.ผลกระทบและความเสี่ยงในการดําเนินนโยบาย เพราะหากไม่สามารถชี้แจงได้ก็อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.73(1) และ (5) แห่ง พรป.เลือกตั้ง 2561 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด