เวทีปราศรัย กทม.พปชร.เกิดเหตุวุ่น “ตะวัน-แบม” บุกป่วน พยายามบุกเข้าหน้าเวที จนเกิดเหตุชกต่อย ด้าน “สกลธี” ซัด เด็กไม่รู้กาลเทศะ วอน อย่าก่อกวนเวทีปราศรัยตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนจะดำเนินคดีหรือไม่ รอคุยผู้ใหญ่ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น.ระหว่างที่พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ ที่ สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 โดยระหว่างที่ นายศันสนะ สุริยะโยธิน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตธนบุรี พรรคพลังประชารัฐ กำลังปราศรัยอยู่นั้น ได้มีกลุ่มของ นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และ นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) นักเคลื่อนไหวอิสระ พากลุ่มทะลุวัง พร้อมแผ่นป้ายไวนิลของหลายพรรคการเมือง พร้อมสะท้อนผลกระทบกับเยาวชนที่โดนคดี 112 โดยทางกลุ่มพยายามที่จะทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองในบริเวณพื้นที่เวทีปราศรัย โดยพยายามบุกเข้ามาในบริเวณหน้าเวทีปราศรัย
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือการ์ด บริเวณทางเข้า ที่มีแผงกั้นเหล็กวางอยู่ แต่ทางกลุ่มมวลชนก็พยายามที่จะดันเข้าไปให้ได้ จนกระทั่งเกิดความรุนแรงขึ้น โดยมีการชกต่อยกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับมวลชน เกิดความวุ่นวาย และสร้างความตกใจให้กับประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย
ซึ่ง น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เขตบางกอกน้อย ที่ได้เป็นพิธีกรอยู่บนเวทีขณะนั้นได้รีบประกาศขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และบอกกับกลุ่มเยาวชนด้วยว่า หากต้องการเรียกร้องเรื่องอะไร ก็ขอให้พูดคุยกันดีๆ อย่าก่อเหตุรุนแรง เราทำหน้าที่กันตามระบอบประชาธิปไตย และขอให้เจ้าหน้าที่ของงานให้ช่วยกันผลักดันมวลชนออกไปจากบริเวณดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล
อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นนานกว่า 20 นาที จนกระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถดันมวลชนออกจากพื้นที่ไปได้ ทั้งนี้ ทางกลุ่มมวลชนได้โปรยใบปลิวระบุข้อความ “หนูขอปฏิเสธกระบวนการนี้ เพราะมันไม่ยุติธรรมกับหนู ตำรวจอยู่ใต้อำนาจของคู่กรณีและศาลอยู่ใต้อำนาจของคู่กรณี หนูขอปฏิเสธกระบวนการที่เกิดขึ้นกับหนู” ซึ่งเป็นคำพูดของ หยก ธนลภย์ เยาวชนวัย 15 ปี ที่ถูกนำตัวส่งสถานพินิจทันที คดี ม.112 จากคดีม็อบ13 ตุลา 65
ด้าน นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกิดเหตุวุ่นวาย ว่า เราตั้งใจจะมาปราศรัย มาพูดคุยกับประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่วันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ถูกกาลเทศะไปหน่อย
“วันนี้เข้าสู่กระบวนการหาเสียงตามระบอบประชาธิปไตย การพูดคุยของกลุ่มคนที่เห็นต่างสามารถทำได้ แต่ด้วยวิธีที่สันติกว่านี้ เพราะระหว่างที่เกิดเหตุขึ้น ยังมีกิจกรรมบนเวทีต่อเนื่อง ลักษณะการมาของน้องๆ คือ การก่อกวน ซึ่งผมก็ได้รับรายงานว่า มีการ์ดได้รับบาดเจ็บ ตรงนี้หากจะมีการดำเนินคดีก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐนั้น คงต้องมีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ของพรรคก่อน ซึ่งส่วนกลุ่มเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันก็มีสิทธิในการดำเนินคดีเช่นกัน” นายสกลธี กล่าว
นายสกลธี กล่าวต่อว่า เวทีปราศรัยย่อยของภาค กทม.จัดขึ้นมาหลายครั้ง เราก็คงต้องเอาเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน และพิจารณาการจัดงานในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ตนมองว่า เวลามนการหาเสียงเลือกตั้งอยากให้มาแข่งกันที่นโยบายของแต่ละพรรคจะดีกว่า พรรคเรายินดีรับฟัง อย่างเช่น ตอนที่ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 เข้าพบกับ พล.อ.ประวิตร ก็สามารถพูดคุยกันด้วยดี ไม่ใช่ลักษณะก่อกวนเช่นนี้ ถ้าต้องการคุยกันจริงๆ ใช้เวทีอื่นกันดีกว่า วันนี้ไม่ใช่เวลาที่ถูกต้อง นัดกันได้ ที่ไหนก็ได้ แต่ต้อฝไม่ใช่วิธีนี้ นี่คือเวลาปราศรัย ไม่ใช่มาช่วงชิงเวลานี้ คงไม่เหมาะ
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มมวลชนเรียกร้องเรื่องสิทธิประกันตัว และ มาตรา 112 นายสกลธี กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ เราเปิดกว้างที่จะรับฟังความคิดเห็นจากคนทุกกลุ่ม น้องๆ ที่มาในวันนี้ก็ถือว่า เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามสิทธิเสรีภาพ แต่ควรมีกาลเทศะในการนัดหมายพูดคุยกันต้องเหมาะสมมากกว่านี้ ไม่ใช่มาเรียกร้องเรื่องของตัวเอง ในช่วงที่คนอื่นเขาทำกิจกรรมอยู่