มหาดไทย รับทราบ “เกาะสีชัง ชลบุรี” ประกาศเขตภัยแล้งจังหวัดแรก “กปภ.” จ่อของบกลาง วางท่อส่งน้ำประปา “ศรีราชา” ไปยัง “เกาะสีชัง” ด้าน “กอนช.” เร่งลดผลกระทบ “ชลบุรี-อุดรธานี” พ่วงพื้นที่เสียง เฝ้าระวัง 136 ตำบล 54 อำเภอ 20 จังหวัด
วันนี้ (30 มี.ค.) มีรายงานจากระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนและติดตามนโยบายรัฐบาล ของกระทรวงมหาดไทย ในวาระรับทราบการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2566
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้รายงานว่า ปัจจุบัน จังหวัดชลบุรี มีพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปา 1 แห่ง คือ พื้นที่เกาะสีชัง โดยในปีนี้ได้ “ประกาศเขตภัยพิบัติ” ในพื้นที่อําเภอเกาะสีชังแล้ว
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่เกาะสีชังไม่มีแหล่งน้ำต้นทุน จึงจําเป็นต้องใช้วิธีการขนส่งน้ำประปาทางเรือ จากอําเภอศรีราชา เพื่อนําไปใช้อุปโภคบริโภคในพื้นที่
นายไชยพัฒน์ ยุติมิตร ผู้อํานวยการฝ่ายแผนงานโครงการ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ระบุว่า การประปาส่วนภูมิภาค อยู่ระหว่างเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการวางท่อส่งน้ำประปาไปยังเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัด มท. ย้ำว่า ขอให้ กปภ. น้อมนําหลักการทรงงาน “ขาดทุนคือกําไร” มาใช้เป็นหลักในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำ ในพื้นที่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ขาดแคลนแหล่งน้ําสําหรับใช้อุปโภคบริโภค โดยสามารถเสนอขอรับ
ที่ประชุม ยังขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั่วประเทศ สํารวจหมู่บ้านที่มีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง และเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเพิ่มปริมาณน้ําในแหล่งน้ำ
ทั้งนี้ จังหวัดสามารถประสานขอรับการสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมาย จากกอนช. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จากสถานการณ์ล่าสุด พบว่า มีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 1 อำเภอ ใน 1 จังหวัดใน คือ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 โดยเกิดภัยแล้งในพื้นที่หมู 1-7 ตำบลท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ส่งผลกระทบกับประชาชนและพื้นที่การเกษตร
ขณะนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยเร่งด่วนแล้ว
นอกจากนี้ กอนช.ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยทหาร จังหวัด ท้องถิ่น โครงการชลประทาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในพื้นที่เข้าไปเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ยังมีการการติดตามสถานการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ด้านอุปโภคบริโภค ในเขตการประปาส่วนภูมิภาค กปภ. 16 สาขา 14 จังหวัด พบว่า มี 1 สาขา เริ่มได้รับผลกระทบแนวโน้มน้ำดิบสำหรับผลิตประปาไม่เพียงพอ คือ สาขาสว่างแดนดิน (หน่วยบริการหนองหาน) อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เนื่องจากแหล่งน้ำต้นทุนหลักคืออ่างเก็บน้ำห้วยทรายน้อย
“สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ นอกเขต กปภ. หรือ ประปาท้องถิ่น 136 ตำบล 54 อำเภอ 20 จังหวัด พบว่า ยังไม่พบพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด”
ยังมีการเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำเพิ่มเติม จากที่ได้ชี้เป้าพื้นที่เฝ้าระวังไว้เดิม ประกอบด้วย 4 พื้นที่หลัก ซึ่งมีแผนเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ได้แก่
1. พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำผลิตน้ำประปา จำนวน 3 ตำบล 3 อำเภอ 2 จังหวัด ในเขต จ.เชียงราย และ จ.เพชรบูรณ์ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้นำรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายให้กับประชาชนและเติมน้ำในบ่อพักน้ำประปาหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว
2. พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรนอกเขตชลประทาน จำนวน 2 ตำบล 2 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครนายก และ จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งมักประสบปัญหาน้ำเค็มทำให้ขาดแคลนน้ำจืดในพื้นที่
ซึ่งกรมชลประทานได้มีการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำนครนายก และแม่น้ำปราจีนบุรี ตามจังหวะน้ำทะเลขึ้นลง เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3. พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำสำหรับไม้ผลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ จำนวน 6 ตำบล 4 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.จันทบุรี จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ซึ่ง อบต.ได้นำรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายและเติมน้ำในสระให้กับประชาชน และ
4. พื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านคุณภาพน้ำ (น้ำเค็ม) ในเขตการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางปะกง และสาขาบางคล้า มีการรับน้ำดิบจากสาขาข้างเคียง จากการประปานครหลวงและจากเอกชน