xs
xsm
sm
md
lg

“ไทยศรีวิไลย์” เปิดตัว 3 ขุนพลเสริมทัพ สู้ศึกเลือกตั้ง ชู นโยบายเพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐ 3,000 ด้าน “พิเชษฐ” ลั่นใช้ประสบการณ์ช่วยเหลืองาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (23 มี.ค.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวต้อนรับ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ประธานพรรคและประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจพรรคไทยศรีวิไลย์ พล.ท.ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธิ์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน และ ดร.วัชรพล บุษมงคล ประธานยุทธศาสตร์ด้านแรงงาน เพื่อเข้าร่วมงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยมีการสวมเสื้อแจ็คเก็ตและชูมือให้สื่อมวลชนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

โดย นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ความตั้งใจของพรรคไทยศรีวิไลย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ต้องการจะเปลี่ยนสถานะจากพรรคขนาดเล็ก เป็นพรรคขนาดกลาง ที่สามารถเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งนอกจากจะส่งสมาชิกพรรคที่มีคุณภาพลงเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ แล้ว ทางพรรคก็ได้มีการเสนอบุคลากรที่มีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพื่อมาเข้าร่วมในการขับเคลื่อนนโยบาย เช่น นายพิเชษฐ ที่เป็น ส.ส.หลายสมัย เคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี ทั้ง 2 กระทรวง และอดีตผู้แทนการค้าไทย, พล.ท.ดร.กฤตภาส ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงาน มาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี และ ดร.วัชรพล อดีตหัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้า ผู้เชี่ยวชาญนโยบายเรื่องแรงงาน ซึ่งถือว่าการมาเข้าร่วมงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ของบุคคลทั้ง 3 ถือเป็นการเสริมทัพให้กับทางพรรค เพื่อผลักดันนโยบายด้านต่างๆ เช่น นโยบายด้านเศรษฐกิจที่นอกจากนโยบายการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ และผลักดันเงินสวัสดิการ ควบคู่กับการหารายได้ใหม่ๆ เข้าประเทศแล้ว ในส่วนของนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาลปัจจุบัน พรรคไทยศรีวิไลย์จะไม่มีการยกเลิก เพราะถือเป็นการหักหาญน้ำใจของประชาชนที่ได้ประโยชน์จากบัตรดังกล่าว แต่จะเพิ่มเงินเพิ่มสิทธิ์ให้มากยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มเงินเป็น 3,000 บาทต่อเดือน ให้สำหรับผู้มีสิทธิ์ 20 ล้าน 5 แสนคน โดยจะใช้เงินประมาณเกือบ 8 แสนล้าน/ปี และยืนยันว่า จะไม่ใช่เงินงบประมาณในประเทศ แต่เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับการตั้งเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์และคาสิโน โดยจะให้เฉพาะลูกค้าที่มีต่างชาติที่มีฐานะสูงมาใช้บริการ ปีละ 4 หมื่นคน วงเงินประมาณ 2 ล้านล้านบาท ในส่วน 8 แสนล้านให้คนจน และได้ภาษีคืน แสนกว่าล้าน ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ในส่วนของนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจังเด็ดขาด การส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การแก้ปัญหาพลังงานที่ประเทศไทยเผชิญ 2 ส่วนหลักๆ ก็คือ การขาดแคลนพลังงานเพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวัน การคมนาคม และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และการที่ราคาพลังงานที่สูงกว่าความเป็นจริง และนโยบายเกี่ยวกับแรงงาน ธนาคารแรงงาน (labor bank) เพื่อผู้ประกันตน สามารถทำเรื่องกู้ยืมเงินได้ 20 เท่าของเงินเดือน โดยมีดอกเบี้ย 2.5% ซึ่งสามารถขอเงินชราภาพตามสิทธิ์เพื่อเบิกไปใช้ได้เต็มจำนวนด้วย รวมทั้งยังมีนโยบายเพื่อแรงงานอีกมาก ซึ่งจะได้มีการประกาศต่อไป เพราะฉะนั้น ตนอยากจะขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า หากเลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ นอกจากจะได้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะได้บุคลากรทีมีคุณภาพเฉพาะด้าน และได้สมาชิกพรรคที่ดีที่ยึดถือหลักการประชาธิปไตยและใส่ใจปัญหาประชาชน มาเป็น ส.ส. ด้วย
“ผมเชื่อมั่นว่า พรรคไทยศรีวิไลย์มีความพร้อมที่จะขยับขยายเป็นพรรคขนาดกลาง โดยปัจจุบันมีผู้สมัครที่จะเป็นว่าที่ ส.ส มากกว่า 200 คน มากกว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีผู้สมัคร ไม่ถึง 200 คน แสดงว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ ใหญ่กว่าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมทั้ง เขาก็ยังประกาศว่า ตัวเองก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องมาจาก เสียงอวยในการพูดภาษาอังกฤษที่แคล่วคล่อง ดังนั้น ผมก็กล้าประกาศว่า ผมก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน และตนมั่นใจว่า ทางพรรคไทยศรีวิไลย์จะเป็นทางเลือกในการจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังจากการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

ด้าน นายพิเชษฐ์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า ตนเองจะไปร่วมงานกับพรรคเปลี่ยน ที่มี นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” CEO กองสลากพลัส โดยเห็นว่า จะช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งฯ ที่มีราคาสูงกว่ากฎหมายกำหนด แต่ปรากฏว่า เมื่อพูดคุยกันแล้ว ก็มีความเห็นที่ต่างกันหลายเรื่อง จึงตัดสินใจปฏิเสธ “พรรคเปลี่ยน” และเมื่อพิจารณาบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ แล้ว ก็เห็นว่า พรรคไทยศรีวิไลย์เป็นพรรคการเมืองที่มีความตั้งใจแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างแท้จริง และหัวหน้าพรรครวมทั้งบุคลากรหลายคนยังมีอายุที่สามารถทำงานให้ประเทศชาติไปอีกหลายๆ ปี ดังนั้น ตนจึงอยากจะใช้ความรู้และประสบการณ์ทางการเมืองที่มีมายาวนาน มาช่วยเหลือดูแลให้พรรคไทยศรีวิไลย์เติบโตจนเป็นพรรคขนาดใหญ่ให้สามารถเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ในอนาคตอันใกล้ด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น