เชาว์ เตือน กกต. ยกเลิกกรอบ 180 วัน เริ่มนับหนึ่งใหม่หลังยุบสภาไม่ได้ ชี้ ตีความยกเลิกความผิดเอง ไม่มีกฎหมายรองรับ เข้าข่ายทำผิด 157 แย้ง พวกย้ายพรรคหลังเข้าโหมดก่อน 90 วัน หลังยุบสภาก็ทำไม่ได้ ชี้ ส.ส. ย้ายพรรคอาจขาดคุณสมบัติ เชื่อ หากมีคนร้องศาล รธน.ยุ่งแน่
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความ เตือน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้สมัครที่ย้ายพรรค เรื่อง การนับระยะเวลาเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาก่อนที่อายุสภาจะครบกำหนดอายุสภาเพียงสามวัน ตนมีเรื่องคาใจเกี่ยวกับการนับระยะเวลาเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งอยู่ 2 เรื่อง คือ 1. ระยะเวลาล่วงหน้า 180 วัน เกี่ยวกับข้อห้ามผู้สมัครหรือผู้ประสงค์จะสมัครหาเสียงในลักษณะที่ผิดกฎหมายเลือกตั้งตามมตรา 132 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และ กกต.ก็ได้ออกระเบียบมากำหนดข้อห้ามดังกล่าวด้วยว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยท้วงติงไปครั้งหนึ่งแล้วว่าเมื่อเข้าโหมด 180 วัน ตาม 68 (1) แล้ว แม้จะมีการยุบสภาก็ยังถือว่าผิด ไม่ใช่ไม่ผิดตามความเห็นของ กกต. มิฉะนั้น จะเป็นช่องให้ฝ่ายที่กุมอำนาจยุบสภา สามารถที่จะทำผิดอะไรก็ได้ แล้วค่อยยุบสภาล้างผิดให้ฝ่ายตัวเอง เช่นนี้แล้วจะเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้อย่างไร 2. ระยะเวลาการสังกัดพรรคเมืองของผู้สมัครรับเลือกตั้งตามกฏหมายรมนูญมาตรา 97 วงเล็บสาม ที่กำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียง
พรรคการเมืองเดียวเป็นเวลา ติดต่อกันไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไป เพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวให้ลดลงเหลือสามสิบวัน โดยไปตีความกันว่าหากยุบสภาระยะเวลาสังกัดพรรค 90 วันก็จะไม่มีผลบังคับ คือให้กลับไปนับแค่ 30 วันเพราะเหตุมีการยุบสภา ซึ่งผมเห็นว่ายังคลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมายและขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ผู้ประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วันเป็นอย่างน้อยเพราะนอกจากจะส่งเสริมความเข็มแข็งของพรรคการเมืองแล้วยังสร้างความแข็งแรงให้กับตัวผู้สมัครในการเรียนรู้เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับและนโยบายของพรรคการเมืองนั้นๆ ด้วย
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า ข้อยกเว้นให้นับเวลาสังกัดพรรคในกรณียุบสภา สามารถใช้ได้กับกรณียุบสภาก่อนห้วงเวลาที่จะเข้าสู่โหมด 90 วัน ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป แต่ถ้าเข้าสู่ห้วงเวลา 90 วัน ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปแล้วหากมีการยุบสภาเหมือนกับที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะให้ย้อนกลับไปนับเวลาสังกัดพรรคแค่ 30 วันอีก มองยังไงยังขัดกับความเป็นจริง เพราะถ้าตีความย่างนี้เท่ากับว่า การกำหนดให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมือง 90 วันจะสิ้นสภาพบังคับไปโดยปริยาย อันเป็นการขัดหรือแย้งกับเจตนารมณ์กฎหมายรัฐธรรมนูญ
“จึงขอเตือน กกต. ในฐานะผู้ใช้กฎหมายด้วยความหวังดี วันนี้ท่านอาจยังไม่ตกอยู่ในฐานะผู้กระทำผิด แต่เมื่อมีการรับสมัครเลือกตั้งแล้วมีผู้สมัครหรือผู้ประสงค์ที่จะสมัครรับเลือกตั้งที่เคยกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในห้วง 180 วันก่อนการเลือกตั้งตามที่ท่านเคยออกระเบียบไว้ ต่อบุคคลนั้นมาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด แล้วท่านละเว้นการไม่ดำเนินคดีกับบุคเหล่านั้น โดยอ้างว่่า เมื่อมีการยุบสภาทุกอย่างให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เสมือนหนึ่งท่านใช้ดุลพินิจล้างความผิดให้ผู้กระทำผิดเหล่านั้นโดยไม่มีกฎหมายมารองรับ ท่านนั้นแหละจะถูกดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบเสียเอง ส่วนกรณีการนับระยะเวลาสังกัดพรรคซึ่งการยุบสภาในครั้งนี้ไม่มีเหตุผลใดเลยนอกจากแก้ปัญหาให้กับผู้สมัครให้ย้ายพรรคได้อย่างเสรี โดยอ้างเหตุยุบสภา แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่การเอาเรื่องของการยุบสภามาเป็นเหตุผลย้อนแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญในประเด็นเกี่ยวกับการนับระยะเวลาสังกัดพรรค 90 วันหรือ 30 วันอันจะส่งผลเกี่ยวกับคุณสมบัตรของผู้สมัครรับเลือกตั้ง จะเป็นปัญหาสร้างความยุ่งยากให้กับผู้สมัครและพรรคการเมืองแต่ละพรรคอย่างแน่นอน เพราะหลังกกต.ได้รับสมัครเลือกตั้งไปแล้วผมเชื่อว่าจะผู้มีส่วนได้เสียไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยเรื่องนี้แน่นอน” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย