รมต.สำนักนายกฯ บอกเป็นไปได้ ยุบสภา 21 มี.ค. โว รทสช.มีอดีต ส.ส. 40 คนแล้ว เชื่อถึงเวลาเลือกตั้งจะเหลือแค่ 2 ฝั่ง คือ ฝั่งนายกฯ กับอีกฝั่งเท่านั้น เหน็บนายกฯไม่ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง การันตี 2 ป.ปึ้ก
วันนี้ (28 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวยุบสภาในวันที่ 21 มีนาคม ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้หรือไม่ ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เป็นไปได้ทั้งนั้น อยู่ที่นายกฯ
นายธนกร กล่าวว่า ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พรรค รทสช.มีการเปิดตัวอดีต ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จำนวน 19 คน และวันที่ 1 มีนาคม จะมีการเปิดตัวอีก 20 กว่าคน สะท้อนว่า พรรค รทสช.มี ส.ส.อยู่ประมาณ 40 คน ที่วิจารณ์กันว่าพรรค รทสช.จะได้ ส.ส.ไม่เกิน 25 คนนั้น วันนี้เรามีประมาณ 40 คนแล้ว คำพูดดังกล่าวคงไม่ใช่ และจากการลงพื้นที่ร่วมกับนายกฯ ประชาชนให้การต้อนรับดีมาก เพราะเห็นผลงาน แล้วยิ่งฝ่ายค้านปราศรัยดิสเครดิตนายกฯว่าไม่มีผลงาน คะแนนยิ่งเพิ่มขึ้น และหลังจากนายกฯเปิดนโยบายที่ จ.นครราชสีมา ไปแล้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช.ต้องนำไปบอกประชาชน ทั้งบัตรสวัสดิการพลัส การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้ว ทำอยู่ และจะทำต่อ ซึ่งยืนยันว่าทุกนโยบายของพรรค รทสช.ต้องมีแหล่งที่มาของเงินชัดเจน ต่างจากพรรคอื่นที่เป็นนโยบายประชานิยม และไม่รู้จะนำเงินมาจากไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า บัตรสวัสดิการพลัส รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าจะนำงบประมาณมาจากไหน นายธนกร กล่าวว่า “รู้สิครับ เพราะนายกฯเป็นคนดูเรื่องงบประมาณ บริหารประเทศมา 7-8 ปี ทุกโครงการต้องผ่านนายกฯ สำนักงบประมาณขึ้นตรงกับท่าน จึงรู้ตัวเลขของงบประมาณ และท่านพูดเสมอว่าต้องทำได้จริงๆ ต้องมีงบประมาณจริงๆ ท่านไม่ต้องการให้แต่ละพรรคพูดนโยบายที่ใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ไม่บอกว่านำเงินมาจากไหน”
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตบัตรสวัสดิการพลัสเป็นการเกทับนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน นายธนกร กล่าวว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีมาตั้งแต่ปี’59 เป็นแนวคิดที่นายกฯคิดร่วมกับทีม ดังนั้น แต่ละพรรคนำไปกำหนดเป็นนโยบายได้ อย่ามองว่าเป็นการเกทับ
เมื่อถามถึงกรณีระบุว่า พรรค รทสช.มี ส.ส. 40 คน ในการเลือกตั้ง คิดว่าการจะเป็นนายกฯได้ต้องมี ส.ส.กี่คน นายธนกรกล่าวว่า วันนี้การเมืองเลือกข้างชัดเจน สุดท้ายจะมีแค่ฝั่งนายกฯกับอีกฝั่งเท่านั้น เชื่อว่า พรรค รทสช.ด้วยตัวนายกฯ นโยบายพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จะทำให้ได้ ส.ส.จำนวนมาก เมื่อถามย้ำว่า การเสนอนายกฯควรมี ส.ส.มากที่สุดในฝั่งตัวเอง หรือมากที่สุดในการเลือกตั้ง นายธนกร กล่าวว่า เรายังพูดตรงนี้ไม่ได้ ต้องดูตัวเลขหลังการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันทำงานกันมานาน ไม่มีความขัดแย้ง นายกฯให้เกียรติหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลตลอด พูดจากันได้ หลังการเลือกตั้งเชื่อว่า พรรค รทสช.เราพูดจากันได้มากกว่าพรรคอื่น
เมื่อถามว่า จะมีเสียงมากเสียงน้อยไม่เกี่ยว แต่อยู่ที่ใครรวมเสียงได้มากกว่าใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนตอบแทนหัวหน้าพรรคต่างๆ ไม่ได้ ต้องดูสถานการณ์ตอนนั้น แต่เชื่อว่า ประชาชนเห็นสิ่งที่นายกฯทำงาน และจะให้โอกาสทำงานในตำแหน่งนายกฯอีกครั้ง
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายกฯจะไปจับมือกับฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล นายธนกร กล่าวว่า ต้องดูหลังเลือกตั้ง แต่หลายพรรคของฝ่ายค้านประกาศไม่ร่วมพรรค รทสช. เราไม่ว่ากัน เป็นสิทธิ แต่นายกฯไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร และไม่จำเป็นต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง
เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปจับมือกับฝ่ายค้านปัจจุบัน นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่ก้าวล่วง แต่ขอยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองท่าน ความเป็นพี่เป็นน้องที่คบกันมา 40-50 ปี ตนรู้จัก พล.อ.ประวิตร มา 2-3 ปี ยังเคารพรักท่านขนาดนี้ นับประสาอะไรกับคนที่อยู่กันมา 40-50 ปี มั่นใจไม่มีการทิ้งกันอยู่แล้ว ทั้งสองท่านอยู่ที่จิตใจ ความรักความผูกพันมันมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน