สยบข่าวลือ! “ท่านใหม่” ย้ำ ทำใจสบายๆ ไม่ต้องวิตกกังวลอะไร มิมีอะไร “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ลั่น พรรคการเมืองใดที่ต่อต้านจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันฯ อย่าเลือก “นักเขียนซีไรต์” แนะ “ปิยบุตร” ไปอยู่ฝรั่งเศส ไม่ต้องปฏิวัติให้ยาก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (24 ก.พ. 66) ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“อย่า ไปเชื่อข่าวอ้างข่าวลือจากผู้มิหวังดีกัน ทำใจกันให้สบายๆ ไม่ต้องวิตกกังวลอะไร มิมีอะไรครับ”
ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา สังคมออนไลน์ ในแวดวงสามนิ้ว กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล กลุ่มต่อต้านรัฐบาล กลุ่มล้มล้างสถาบันฯ ปล่อยข่าวลือ เกี่ยวกับสถาบันฯ
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“อย่าเลือกมัน
จำให้ขึ้นใจ. ประเทศไทยคงความเป็นไท. และเจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองใดๆ
นักการเมืองต่างเข้ามากอบโกย. ทุจริต โกงกิน
แต่เป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกป้องแผ่นดินไทย. พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า. นับตั้งแต่อดีตมา. นี่คือ. เหตุผลที่คนไทยรักและภักดีต่อสถาบันฯ
หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง. พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง และไม่ทรงเกี่ยวข้องทางการเมืองและไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใดๆ
แต่มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่พยายามจาบจ้วงล่วงละเมิด. และทำลายสถาบันฯมาโดยตลอด. และตั้งหน้าตั้งตาจะแก้ไข ม.112 เพื่อทำลายปราการที่จะปกป้องสถาบันฯ
คนใดไม่เอาเจ้า. ย้ายตัวเองไปอยู่ประเทศอื่น. หากคิดว่าถิ่นอื่นดีกว่าไทย. อย่าฝืนใจอยู่. คนไทยทั้งประเทศจงรักภักดีต่อสถาบันฯ
มันผู้ใด นักการเมืองและพรรคการเมืองใดที่ต่อต้านจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันฯ. อย่าไปเลือกมัน”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า
ถ้าผมเป็นคุณปิยบุตร หรือใครก็ตามที่ไม่ต้องการกษัตริย์ หรือ ต้องการปฏิวัติประเทศนี้ให้เป็นอย่างใจตน ผมไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยยุยงให้ใครเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหรือติดคุก รวมทั้งตัวเองด้วย ให้ต่อสู้ “เพื่ออุดมการณ์” ที่ไม่มีอยู่จริง
ไม่ต้องเหยียบย่ำหัวใจคนเกือบทั้งประเทศ ที่ต้องการกษัตริย์อยู่วันแล้ววันเล่า ให้พวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจหรือโกรธแค้นด้วย
ยิ่งคุณปิยบุตรนั้น ยิ่งง่าย ไปอยู่ฝรั่งเศสได้เลย ไม่ต้องเหนื่อยกับการปฏิวัติอะไรอีก ประเทศนั้นปฏิวัติไว้แล้ว กษัตริยิ์ก็ไม่มี จะอยู่ประเทศนี้ทำไม ถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุข
แต่ถ้ายังอยากอยู่ต่อสู้ “เพื่ออุดมการณ์” ต่อไป นั่นแสดงว่าแท้จริงแล้ว ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความงมงายในลัทธิอุดมการณ์และความกระหายอำนาจของอภิอัตตา”
แน่นอน, ต้องยอมรับว่า พรรคการเมืองบางพรรค กำลังเดินเกม ต่อสู้ทางการเมือง คู่ขนานทั้งบนท้องถนน และในรัฐสภา โดยมีเป้าหมายสำคัญ หรือ “ธงนำ” ในการปฏิรูปสถาบันฯ ที่ดูเหมือน ท้าทาย และสวนกระแส “ศรัทธา” ของประชาชน อย่างน่าจับตามอง
โดยเฉพาะการเสนอนโยบายแก้ไข ป.อาญา ม.112 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันฯ โดยมีข้ออ้าง เพื่อให้สถาบันฯอยู่ร่วมกับระบอบประชาธิปไตยได้ แต่เบื้องลึก กลับปล่อยให้ “สาวก” จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันฯ มาตลอด และยิ่งกว่านั้น คนบางกลุ่มบางพรรค ยังออกมาปกป้องการกระทำของสาวกเหล่านี้ ว่า ไม่ผิด และเอาตำแหน่ง ส.ส.ช่วยประกันตัว หลังถูกจับกุม โดยเปิดเผยชัดแจ้ง
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ประเด็นปฏิรูปสถาบันฯ ถูกผลักดันเข้าสู่การตัดสินใจของประชาชน ในการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส. ที่จะมาถึงในอีกไม่นานเรียบร้อย
ทั้งยังพบว่า มีคนรุ่นใหม่อีกจำนวนไม่น้อย ที่เป็นฐานการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรค และขบวนการเคลื่อนไหว ดังกล่าว
ดังนั้น การต่อสู้ทางการเมือง การปลุกกระแสทางการเมือง จึงมีหลากหลายกลยุทธ์ กลเกม รวมทั้งการปล่อยข่าวลือ ข่าวปลอม ที่หวังผลประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าผลประโยชน์ประชาชนอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องรู้เท่าทันเกมการเมือง และตัดสินใจบนความเป็นเหตุเป็นผล มากกว่าเชื่อข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวปลอม หาไม่ “การตัดสินใจ” ทางการเมืองของประชาชน ก็มีโอกาสผิดพลาดตามไปด้วย นี่คือ ประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังเป็นห่วงเป็นใยอยู่ในเวลานี้