xs
xsm
sm
md
lg

กกต.จัด 400 ชุดเคลื่อนที่เร็ว ปราบทุจริตเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำงานคู่ขนานรอศาลชี้ปมราษฎร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกต. เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วปราบทุจริตเลือกตั้ง 400 ชุดทั่วประเทศ ระบุทำงานคู่ขนานรอคำวินิจฉัยศาล รธน.ปมจำนวนราษฎร

วันนี้ (24 ก.พ.) นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวบรรยายหัวข้อ “การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ตามบทบัญญัติกฎหมายใหม่” ว่า กกต.ให้ความระมัดระวังในทุกขั้นตอนของการจัดเลือกตั้ง ซึ่งการแบ่งเขตตอนนี้รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าสิ่งที่เราดำเนินการมาแล้วถูกต้อง การดำเนินการต่อไปก็จะเร็ว เพราะตอนนี้เรากำหนดขั้นตอนไว้หมดแล้ว แต่ถ้าศาลวินิจฉัยไปต่างจากที่เราดำเนินการมา สิ่งที่เราต้องเริ่มดำเนินการนั้นก็ต้องทำให้เร็วที่สุด ตามกรอบเวลาที่เรามีอยู่ คงรอให้เวลาล่วงเลยไปไม่ได้ จึงมีการดำเนินการคู่ขนานไปกับการรอศาลวินิจฉัย ทั้งนี้ ในวันที่ 23 มี.ค.นี้จะครบวาระสภานี้ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทเราต้องรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพราะมันจะมีขั้นของการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมือง ในเรื่องการประกาศให้มีการเลือกตั้งนั้นต้องมีพระราชกฤษฎีกา เมื่อมีแล้ว กกต.ก็จะประกาศกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน การที่จะประกาศวันเลือกตั้งโดยที่ไม่มีเขตเลือกตั้งแล้วไปเลื่อนวันเลือกตั้งนั้นทำไม่ได้โดยข้อกฎหมาย ส่วนการเลื่อนวันเลือกตั้งนั้นส่วนตัวเห็นว่าการจะเลื่อนวันเลือกตั้งได้นั้นต้องเป็นเหตุจำเป็นที่จะไม่ทำให้ลงคะแนนได้ เช่น เกิดเหตุจลาจล แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น การจัดการเลือกตั้งได้จะต้องมีเขตเลือกตั้งก่อน

นายกิตติพงษ์ กล่าวอีกว่า การรับสมัครเลือกตั้งวันแรกจะรับสมัครแบบแบ่งเขตก่อน แล้ววันที่สองจึงจะเริ่มสมัครแบบบัญชีรายชื่อ ทำให้เบอร์ของแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อไม่ตรงกัน ส่วนการประกาศผลเลือกตั้ง กับการรายงานผลการเลือกตั้งแบบไม่เป็นทางการนั้นบางครั้งทำให้เกิดความสับสน ซึ่งประกาศผลทางการคือการรับรองผลเลือกตั้งเป็นการรับรองผลตามกฎหมาย จะมีกรอบเวลาภายใน 60 วันหลังวันเลือกตั้งนั้นก็จะมีคำถามว่าทำไมหลังวันเลือกตั้งไม่ทยอยประกาศ นั้นก็เพราะกกต.ทำตามกฎหมายที่ให้ประกาศร้อยละ 95 ของจำนวนเขตเลือกตั้งทั้งหมด คือ กกต.ต้องประกาศให้ในครั้งเดียวให้ได้อย่างน้อย 380 เขตทั่วประเทศ

ด้าน ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. กล่าวบรรยายหัวข้อ “กลยุทธ์การแสวงหาข่าวและป้องปราบการทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส.” ว่า กฎหมายเลือกตั้งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดังนั้น การสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ และเข้าใจค่อนข้างลำบาก ซึ่งกกต.ไม่ได้มีกฎเหล็กอะไรมีแต่กฎหมายที่จะปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าระเบียบเราไม่ละเอียดทั้งผู้สมัครและพรรคการเมืองก็จะดำเนินการไม่ถูก เมื่อเราออกละเอียดไปมันก็จะมีการซิกแซ็ก ก็จะเป็นดาบสองคมได้ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้เราก็เตรียมตัวไม่น้อยกว่าครั้งอื่นๆ มีการตั้งเจ้าหน้าที่สอบสวน ทั้งออกภาคสนาม และซูม และครั้งนี้การดำเนินกานจะรวดเร็วกว่าครั้งอื่น เพราะมีการบัญญัติเรื่องของเวลาในกระบวนการยุติธรรมกำหนดไว้ ทั้งนี้ เราได้ขอความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 400 ชุดทั่วประเทศ ในการดูแลความเรียบร้อย และการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนงานสืบสวนสวนสอบเราได้ให้มีการตั้งศูนย์สืบสวนสอบสวนทุกจังหวัด ด้านแอปพลิเคชันตาสับปะรดที่มีการพัฒนาข้อมูลให้ผู้โหลดต้องแสดงตัวตนด้วยการแสดงเลขประจำตัวประชาชนทั้ง13 หลัก ซึ่งตอนนี้มีผู้โหลดแอปพลิเคชันแล้ว 10,000 คน และมีข้อมูลกว่าพันข้อมูลที่เรานำมาใช้ในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งจากสถิติในการเลือกตั้งปี 62 มีคำร้องจำนวน 500 เรื่อง ส่วนคำร้องส่วนท้องถิ่นนั้นมี 7,000 เรื่อง นอกจากนี้ เรายังมีเรื่องเงินรางวัลแจ้งข้อมูลเบาะแสทุจริตเลือกตั้งที่มีเงินรางวัลสูงสุด 2 ล้านบาท หลังศาลพิพากษา การคุ้มครองพยานการเลือกตั้ง ใครที่มาเป็นพยานให้เราเราคุ้มครองให้หมดกว่า 26 รายแล้ว

ส่วนสถิติเรื่องร้องเรียนการกระทำความผิดสูงนั้นด้วยการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการแข่งขันที่สูง แต่ไม่ได้ละเลยการกระทำความผิด เมื่อมีการร้องเรียนที่ไหนเราก็เนินการรับเรื่องมาตรวจสอบหมดจึงทำให้ดูเหมือนมีเรื่องร้องเรียนเยอะ ส่วนจะทำอย่างไรให้ลดน้อยลงเรื่องการร้องเรียนนี้ ประการแรก ต้องทำความเข้าใจกับผู้สมัครและประชาชนว่ากฎหมายมีความชัดเจนอยู่ในระดับหนึ่ง ประการที่สอง การซื้อสิทธิ์ขายเสียงสื่อต้องช่วยสื่อสารว่ามีการลงโทษจริง พวกที่เราจับไม่ได้ไล่ไม่ทันนั้นก็มีอยู่

พ.ต.ต.ณัฐวัฒน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวบรรยายหัวข้อ “การทำไพรมารีโหวต และค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง” ว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองที่ดำเนินกิจกรรมอยู่ 86 พรรค ก่อนการส่งผู้สมัครเลือกตั้งพรรคการเมือง และผู้สมัครต้องเข้าระบบการทำไพรมารีโหวต การมีส่วนร่วมแบบกว้างขวาง ซึ่งต้องมีสาขา ตัวแทน และกรรมการสรรหาของพรรค ข้อห้ามของการทำไพรมารีโหวตพรรคการเมืองต้องเรียกรับทรัพย์สิน หรือสัญญาว่าจะให้ในการเลือกบุคคลเข้ารับสมัคร และไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวของกับพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำไพรมารีโหวต ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งถ้าเป็นกรณีครบวาระสภารายบุคคลของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตคนละ 7 ล้านบาท กรณียุบสภาคนละ 1.9 ล้านบาท ส่วนในด้านของพรรคการเมืองกรณีครบวาระสภาค่าใช้จ่าย 163 ล้านบาท และกรณียุบสภา 44 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น