ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "อภิสิทธิ์" ขออยู่วงนอกดีกว่าคลุกวงในลงส.ส. แผนขุดกรุ 3 หัวหน้ามากู้ ปชป. ตราบที่มี "จุรินทร์-เฉลิมชัย" ก็บ่มีไก๊
แผนกู้วิกฤตเพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ศึกเลือกตั้ง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่หงายไพ่ออกมาว่า จะส่งเทียบเชิญ อดีต 3 หัวหน้าพรรค “ชวน หลีกภัย- บัญญัติ บรรทัดฐาน และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มาลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และช่วยหาเสียงให้ลูกพรรค สะท้อนให้เห็นถึงอาการ "หมดสภาพ" ของพรรคเก่าแก่ ภายใต้การนำของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์”หัวหน้า และ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" แม่บ้าน
ปชป.ยุค "sun set” มีปัญหากลุ้มรุมนานัปการ ทั้งเลือดไหล ถูกเพื่อนตกปลาในบ่อ ขอไปตายเอาดาบหน้าก็หลายคน จนคนที่อยู่ก็ "ทนอยู่" จะเดินหน้าต่อก็ไม่ไหว จะถอยหลังก็ลำบาก ยากที่จะเห็นอนาคต ไหนจะคู่แข่งแต่ละพรรคที่รุกจับ "บ้านใหญ่" ชิงพื้นที่ชัยภูมิแดนใต้ ซึ่งเดิมเป็นของตาย กลายเป็น ปชป.ที่ไม่รู้จะอยู่ตรงไหน
กางแผนที่เขตเลือกตั้ง และรวมถึงปาร์ตี้ลิสต์ ดีดลูกคิดรางแก้วออกมาแล้ว จะเหลือที่นั่งส.ส.ให้ปชป. สักกี่ที่ยังเป็นคำถาม?
ที่แน่ๆ ความอ่อนระทวย ความนิยมสาละวันเตี้ยลงของพรรค บนความไม่เชื่อมั่น "ภาวะผู้นำ" ของ “จุรินทร์ และ เฉลิมชัย” แม้แต่ลูกพรรคยังอิดหนาระอาใจ บ่นเซ็งๆ อยู่ไปวันๆ
นั่นคือที่มาของการที่มีคนเก่าคนแก่ของพรรคเสนอให้ขุดกรุ 3 อดีตหัวหน้าพรรค “ชวน-บัญญัติ-อภิสิทธิ์” มาลงส.ส.เป็นจุดขาย อย่างน้อยเครดิตและชื่อชั้นของทั้งสามคน โดยสองคนเคยขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ยังพอตรึงสมาชิกพรรค และมีแรงดึงดูดทำให้ "แม่ยก" คิดถึงคืนวันเก่าๆ ยุครุ่งเรืองเผื่อเหลือเผื่อขาดเรียกคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ได้บ้าง
“นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคปชป. ถึงกับระล่ำระลัก แสดงอาการดีใจออกนอกหน้า กล่าวว่ากลยุทธ์นี้ "เวิร์ก" นักหนา สะท้อนให้เห็นว่า ปชป. ยังเป็นปึกแผ่น พร้อมที่สุดในการแข่งขันกับทุกพรรคการเมืองในทุกสนาม
ตามมาด้วยบอกว่า ได้เข้าพบ"มาร์ค" อภิสิทธิ์แล้ว และได้หารือกันในพรรคเป็นที่เข้าใจแล้วเช่นกัน รอเพียงการยุบสภาเมื่อไหร่ รุ่นใหญ่ที่มากด้วยสปิริต ทั้ง ชวน-บัญญัติ-อภิสิทธิ์” พร้อมที่จะร่วมมือกันช่วยลูกพรรคหาเสียงทันที
แน่นอนว่า ข้อตกลงในพรรค ยังให้ “จุรินทร์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว โดยยกประเพณีปฏิบัติมาตีกันให้ "ท่านหัวหน้า"คนปัจจุบัน ส่วน สามอดีตหัวหน้าพรรค จะไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค หรือพูดง่ายๆ เชิญมาเป็น "มงคล" ให้พรรคเท่านั้น
เห็นได้จากบรรยากาศการประชุมพรรคที่ "อภิสิทธิ์" ในฐานะสมาชิกพรรค มาร่วมประชุมดูคึกครื้นได้รับความสนใจจากสื่อขึ้นมาพลัน
ทีนี้ถามว่า 3 อดีตหัวหน้าพรรค และสองอดีตนายกฯ จะยินดีปรีดา เออออห่อหมกลงสมัครส.ส. ร่วมหัวจมท้าย หาเสียงไปกับคนในพรรคปชป. ยุคนี้แค่ไหน?
“ชวน-บัญญัติ” อาจจะไม่มีปัญหา เพราะอายุอานามอยูในขั้น "ใช้ใจบันดาลแรง" พอๆ กับ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลูกๆ หลานๆ ให้ทำอะไรก็คงไม่ขัด แต่สำหรับ "มาร์ค อภิสิทธิ์ " นั่นแตกต่างออกไป
“อภิสิทธิ์” ยังมีอนาคตรออยู่ และรอได้ ที่ผ่านมาแสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเองอย่างชัดเจน "ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อรับผิดชอบ" แสดงตัวตนที่ยึดมั่นใน "หลักการ" ที่แน่ๆ ไปคนละทางกับ "จุรินทร์" และ"เฉลิมชัย" โดยไม่ต้องนำสืบ
ขณะเดียวกัน หลังจากที่อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ กับพรรคมาหลายปี บทบาทนอกสภาของ “มาร์ค-อภิสิทธิ์” กลับทำได้ดีกว่า แถมรักษาเครดิตอดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกฯเอาไว้ได้ ไม่ดาวน์เกรดลงไปตามพรรค
เพราะเหตุผลสองสามประการนี้ แว่วเสียงจากคนวงใน เชื่อว่า “อภิสิทธิ์” จะตัดสินใจเลือกทางเดิน กำหนดบทบาทตัวเอง แบบ "อยู่นอกสภา ดีกว่าคลุกวงในลงส.ส." ต่อไป
ฟังจากปากของ "อภิสิทธิ์" ที่ถูกถามว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้หรือไม่? “อภิสิทธิ์” กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เขาไม่ตอบผ่านสื่อ คงต้องพูดคุยกับ “จุรินทร์”เสียก่อน และได้ผลอย่างไรจะเรียนให้ทราบต่อไป ขอฟังหัวหน้าพรรคก่อน ว่ามีแนวคิดอย่างไร คาดหวังอะไรกับการที่จะให้ตัวเองไปลงสมัครรับเลือกตั้ง
พูดง่ายๆ ต้องฟังเหตุฟังผลกันก่อน... คอการเมืองก็พอจะเดา "นัยยะ"ออก
ของแบบนี้เมื่อปลาในข้องมันเน่า ไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่มีหลายๆตัว พาตัวเองไปผสมในข้องไม่เพียงเหม็นเน่าตาม พาลจะหมด "ราศี" ในอนาคตไปด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ รอล้างข้องให้สะอาดปราศจากกลิ่นเมื่อไหร่ เมื่อนั้นค่อยว่ากันใหม่ก็ไม่สาย
ที่สำคัญตราบที่ ปชป. มีคูดูโอ้ "จุรินทร์-เฉลิมชัย" ที่พัดลมยังส่ายหน้า บ่มิไก๊ เข้าร่วมไปลงส.ส.ก็เท่านั้น สู้ถนอมเนื้อถนอมตัว อย่างที่เป็นอยู่มิดีกว่าหรือ ?
**ที่แท้ก็ปาร์ตี้ลิสต์เป็นต้นเหตุ “ปิยบุตร-พิธา” ก่อศึกก้าวไกลไฟต์
ชนป๋องเบียร์ กอดคอร้องเพลง ขอโทษขอโพยกันไปแล้ว หลังจากที่หัวแถวค่ายสีส้มขวัญใจวัยโจ๋ อย่าง “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ “อ.ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ “ด่ากันออกอากาศ” ผ่านโซเชียลฯ ทั้งมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ...จับเสือมือเปล่า...เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น... จน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าค่ายตัวจริงต้องออกมาหย่าศึก
สาเหตุของเรื่องที่รู้ๆ กันก็คือ “ปิยบุตร” ไม่พอใจแนวทางการบริหารจัดการพรรคก้าวไกล ที่ “พิธา” กุมบังเหียนอยู่ ทำตัวเป็นเหมือนพรรคไม้ประดับ ที่รอให้ “เพื่อไทย” แลนด์สไลด์ แล้วมาชวนไปร่วมรัฐบาล ขอเพียงได้เก้าอี้รัฐมนตรี 2-3 ที่นั่งก็พอใจแล้ว แต่ไม่คิดที่จะปลุก“พลังใหม่”มาสู้กับ “พลังเก่า” แล้วเป็นผู้นำในทางการเมือง สู้กับกระแสแลนด์สไลด์... สู้กับ 3ป.ให้ได้
แต่เบื้องลึกที่คนไม่ค่อยรู้กันก็คือ ทะเลาะกันเรื่องลำดับปาร์ตี้ลิสต์ !!
จริงๆ แล้วเรื่องขบเหลี่ยม ปีนเกลียวกันภายในพรรคก้าวไกล มีมาสักระยะหนึ่งแล้ว ระหว่างขั้วอำนาจปัจจุบันที่นำโดย “พิธา” กับขั้วอำนาจเก่าสายฮาร์ดคอร์ ที่มี “ปิยบุตร”เป็นหัวขบวน แต่ทุกอย่างมันเดินมาถึงขั้นแตกหักในช่วงจัดทัพรับศึกเลือกตั้งนี่แหละ
คนในพรรคก้าวไกลรู้ และยอมรับกันอยู่แล้วว่า เลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครส.ส.เขต ของพรรคจะฝ่าด่านบ้านใหญ่ ฝ่าดงกระสุนไปได้ยาก ที่พอจะหวังได้ก็มีแต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาศัยขายชื่อพรรค ขายแนวทางพรรคได้
เพราะเลือกตั้งครั้งนี้เป็นแบบบัตร 2 ใบ คือเลือกคน (ส.ส.เขต) กับ เลือกพรรค (ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์) แล้วคะแนนของส.ส.เขตแม้ว่าจะมาที่ 2 ที่ 3 ก็ตกน้ำ ทิ้งน้ำหมด ไม่เอามานับรวมเพื่อคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เหมือนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
และครั้งนี้มีส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อยู่ 100 ที่นั่ง คิดคำนวณออกมาแล้วว่า 1 ที่นั่ง ต้องใช้คะแนนถึง 3 แสนคะแนน โอกาสที่พรรคก้าวไกล จะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อยู่ที่ 15-18 ที่นั่ง
แต่ปรากฏว่า “เสี่ยทิมแอนด์เดอะแก๊ง” เลือกเด็กตัวเองลงในลำดับต้นๆ ที่ปลอดภัยร่วมสิบคน เหลือเศษให้สายฮาร์ดคอร์ของ “จารย์ป๊อก” ไม่กี่คน
และนั่นทำให้ “ปิยบุตร” มองว่า “พิธาแออนด์เดอะแก๊ง” หวังแค่จะได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ไม่ได้เดินไปในแนวทางสุดโต่ง ตามแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งผิดคอนเซปต์ที่แฟนพันธุ์แท้ชื่นชอบ
นี่แหละที่มาของเสียงโวยวายว่า “พิธา” จับเสือมือเปล่า!!...เพราะนอกจากจะได้เป็นหัวหน้าพรรคส้มหล่น แล้วยังฝันถึงตำแหน่งรัฐมนตรีอีก
สถานการณ์ของพรรคก้าวไกล ที่ทำท่าว่าจะแตก ก่อนเลือกตั้ง ทำให้ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของพรรค และถุงเงิน ถุงทองตัวจริง ต้องออกมาห้ามทัพ จะปล่อยให้พรรคพังไม่ได้
ที่ผ่านมา “ธนาธร” ได้รับบทเรียนแล้วว่า การต่อสู้ทางการเมืองในแนวทางที่สุดโต่งนั้น ผลที่ได้รับเป็นอย่างไร ...ทั้งถูกยุบพรรค ตัวเองโดนคดีเป็นหางว่าว ลามไปถึงคนในครอบครัวด้วย และธุรกิจที่ทำก็ถูกจับจ้องรอจังหวะเช็กบิล จึงจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองคอยหนุนหลัง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้
เหตุการณ์วิวาทะครั้งนี้ “ธนาธร” จึงต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย และเหมือนจะโอนเอียงไปทาง “พิธา” ผู้บริหารปัจจุบัน เพื่อรักษาพรรคไว้ ขณะเดียวกัน “ปิยะบุตร” เป็นผู้นำจิตวิญญาณ และสัญลักษณ์ของแก๊งสามนิ้ว และพวกหัวก้าวหน้า ก็ต้องรักษาไว้เช่นกัน
สุดท้ายเลยเป็นอย่างที่เห็น กลับมากอดคอ ชนป๋อง ร้องเพลงร่วมกัน เพื่อให้คนในพรรคและสาวกสบายใจ
เรื่องนี้ “ธนาธร”ยอมรับว่ามีความขัดแย้งกันในพรรคจริง มีสาเหตุจากความเห็นต่างในการทำงานหลายๆเรื่อง แต่เมื่อทั้งคู่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ก็นับเป็นเรื่องดี จะได้เรียนนรู้และเติบโตไปกับสถานการณ์
หลังจากนี้ “ปิยบุตร” ก็จะเดินทางไปหาภรรยาที่ต่างประเทศ ส่วน “พิธา”ก็เตรียมนำพลพรรคลงสนามเลือกตั้ง
...ก็ไม่รู้ว่ากลัวจะถูกโยงข้อหาครอบงำพรรคหรือไร... “ธนาธร”บอกว่า ตัวเองไม่ได้เข้าไปมีส่วนเคลียร์ใจในศึกไฟต์นี้ ที่เห็นนั้น แค่ไปร่วมร้องเพลงเท่านั้น!!