รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย รัฐบาลห่วงใยผู้ใช้รถ เตือนให้ความสำคัญกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัย รัดเข็มขัดนิรภัยทุกตำแหน่งตลอดการเดินทาง แนะพ่อแม่ผู้ปกครองให้ความสำคัญจัดหาใช้ “คาร์ซีต” สำหรับบุตรหลาน ป้องกันอันตราย ลดการบาดเจ็บและสูญเสียกรณีประสบอุบัติเหตุ
วันนี้ (23 ก.พ.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อผู้ใช้รถเนื่องจากพบว่า ในอุบัติเหตุทางถนนได้เกิดความสูญเสีย เนื่องจากการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รัฐบาลขอเตือนให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ทั้งการสวมหมวกกันน็อก การคาดเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารรถยนต์ในทุกตำแหน่ง และตลอดเวลาขณะใช้รถยนต์ การจัดหาที่นั่งนิรภัย (คาร์ซีต) หรือที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก เพื่อป้องกันอันตราย ลดการบาดเจ็บและสูญเสียกรณีประสบอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด
นอกจากนี้ ยังเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ที่ได้กำหนดโทษกรณีไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะมีโทษปรับ 2,000 บาท ซึ่งเพิ่มโทษจากเดิมที่ 500 บาท เช่นเดียวกับการไม่สวมหมวกนิรภัยหรือหมวดกันน็อค ที่มีโทษปรับ 2,000 บาท จากเดิม 500 บาท
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรฯ ปัจจุบันยังได้กำหนดให้คนโดยสารรถยนต์ที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษด้วย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลก็ได้ให้การสนับสนุนโดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้มีการยกเว้นภาษีนำเข้าคาร์ซีตสำหรับเด็กจากปกติร้อยละ 20 รายละเอียดเป็นไปตามประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 5) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 65 ไปจนถึง 31 ธ.ค. 66 เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระด้านราคาให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง เนื่องจากปัจจุบันคาร์ซีตส่วนใหญ่ยังอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการไทยที่ผลิตในประเทศยังมีจำนวนน้อย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปัจจุบันเด็กไทยใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพียงร้อยละ 3.46 เท่านั้น โดยในช่วงปี 60-64 มีเด็กอายุ 0-6 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 1,155 คน โดยในจำนวนนี้ 221 คนเป็นการเสียชีวิตจากการโดยสารรถยนต์
โดยกองป้องกันการบาดเจ็บฯ ได้มีคำแนะนำการเลือกคาร์ซีต จะต้องพิจารณาใน 4 จุดที่สำคัญ คือ เข็มขัดนิภัย, มาตรฐานความปลอดภัย, ความใหม่ของผลิตภัณฑ์ และความเหมาะสมกับช่วงวัย โดยการติดตั้งจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัดควรติดตั้งที่ที่เบาะหลัง ไม่ควรติดตั้งที่เบาะด้านหน้าข้างคนขับ เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กอาจโดนกระแทกจากถุงลมนิรภัยได้
สำหรับการเลือกคาร์ซีตสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัยนั้น มีดังนี้ เด็กแรกเกิด-3 ปี ควรใช้คาร์ซีตสำหรับทารก/เด็กเล็ก ที่เป็นที่นั่งแบบปรับให้หันหน้าไปด้านหลังรถ (Rear-facing car seat) เด็ก 2-6 ปี ใช้คาร์ซีตเป็นที่นั่งแบบหันหน้ามาด้านหน้า (Forward-facing car seat) หรือ เด็ก 4-12 ปี สามารถ ใช้ Booster Seat เป็นที่นั่งแบบหันหน้ามาด้านหน้าสำหรับเด็กโต โดยใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยปกติ (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและส่วนสูง) ส่วนเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ทุกตำแหน่งที่นั่งโดยสาร