xs
xsm
sm
md
lg

ถถถถ..โถ. สินบนสูทแพงระยับทำ "วิษณุ" หัวร้อน ประชดเจี๊ยะบ้าน-รถ-นาฬิกา ยังฟังเข้าท่ากว่า **เห่ากันขรมในสภา หมาไม่ผิด เพราะมีคนยืมปากมาใช้ มีทั้ง “พูดหมาๆ”และ“สุภาพสตรีปากหมา”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ถถถถ..โถ. สินบนสูทแพงระยับทำ "วิษณุ" หัวร้อน ประชดเจี๊ยะบ้าน-รถ-นาฬิกา ยังฟังเข้าท่ากว่า

สูทผ้าไหมคอจีน หรือคอขอซึ่งมีราคาแพง ทั้งผ้าและค่าตัดแล้วราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่น -1 แสนบาทที่ "เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล" ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายพร้อมเปิดคลิปเสียงเจ้ของร้านตัดสูทพูดคุยกับลูกค้า ระบุในสภาฯ ระหว่างซักฟอกรัฐบาลเมื่อคืนวันก่อนว่า นี่คือหลักฐานการรับสินบนที่ทำไม "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยให้ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ ส่อไปในทางทุจริต คอร์รัปชันได้อย่างไร

ส.ส.เพื่อไทยยังขยายความอีกว่า เรื่องนี้ได้ข้อมูลจากคนวงในหน่วยงาน ป.ป.ท. ที่มีภารกิจตรวจสอบการทุจริต คอร์รัปชันในวงราชการเอง แต่ “รองฯวิษณุ” กลับชอบเรียกรับของกำนัลไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ซึ่งมูลค่าเกินกว่า 3 พันบาท ซึ่งผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรมอันดี ที่สำคัญคนในป.ป.ท.นินทาลับหลัง “วิษณุ” มานานแล้ว

วิษณุ เครืองาม
ส่วนผู้ให้คือ ผอ.ระดับสูงในป.ป.ท. โดยบทสนทนาในคลิปเสียงระบุชัดว่ามีเจ้าภาพตัดให้ โดยสูทที่มาตัดเป็นของวิษณุ โดยเฉพาะสูทสีทอง ที่ท่านรองฯวิษณุใส่เป็นประจำ

งานนี้ “รองฯวิษณุ” ได้ยินได้ฟังถึงกับทำเอาหัวร้อนหนักมาก ไม่เพียงปฏิเสธเรื่องว่าไม่เป็นความจริง ยังยืนยันว่า ไม่ได้ตกอับ หรือตกต่ำถึงขนาดเอาอะไรไปแลกกับสูทชุดเดียว และไม่เคยรับของขวัญอะไรจากใคร ราคาเกิน 3,000 บาท

พร้อมๆ กับย้ำว่า มีปัญญาที่จะตัดเอง วนไป แต่ก็ยอมรับมีผ้าไทยหลายชุด เวลาไปงานโอทอป ก็ไปซื้อผ้ามาเก็บไว้ เมื่อตัวเองสุขภาพไม่ดี น้ำหนักลงไป 10 กิโลกรัม ก็ต้องตัดชุดใหม่ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตัดชุดใหม่ โดยวัดขนาดตัวทิ้งเอาไว้ ส่วนเขาจะไปวานใครมอบใครต่อตอนนั้นก็ไม่ทราบแล้ว หรือใครจะแอบอ้างก็หารู้ไม่

เจ้าตัวยังบอกว่า สูทของตัวเองมียี่ห้อเดียว คือยี่ห้อ ARROW ที่ใช้อยู่! ที่ว่าสูทสั่งตัดไว้ ที่ผู้อภิปรายฝากไว้ที่ประธานสภา และไม่ได้ให้ตัวเอง ขอให้กรุณารับคืนไป จะขอไม่ใส่ให้เป็นกาลกิณี

เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล
“รองวิษณุ” สรุปว่าเรื่องนี้เป็นความพยายามของฝ่ายค้าน เพื่อดิสเครดิต.... " โถ ถ้าดิสเครดิตผม บอกรับนาฬิกา รับบ้าน รับที่ดิน รับเงิน ยังจะพอฟังเข้าท่ากว่าเอาชีวิตไปแลกกับชุดไทยพระราชทานเพียงตัวเดียว หรือสองตัว "

เพื่อความกระจ่างชัด งานนี้ “รองวิษณุ” บอกถึงที่มาทำไมพักหลังจึงไม่ค่อยใส่สูท เพราะสุขภาพมีปัญหา จำเป็นต้องใส่ชุดไทย และได้เปิดชายเสื้อเพื่อให้สื่อได้เห็นแผลที่ทำการฟอกไตด้วย พร้อมระบุว่า ไม่สามารถที่จะใส่สูท เพราะต้องทับในเนื่องจากจะทับแผล จึงต้องใส่เสื้อปล่อยชาย ขนาดเข็มขัดยังรัดไม่ได้ เพราะจะทับแผล และถามว่าเคยเห็นตัวเองใส่ชุดไทยหลักหมื่นหลักแสน หรือไม่ ?

นี่คืออีกหนึ่งสีสัน "ศึกซักฟอก" รัฐบาลลุงตู่ ของฝ่ายค้าน ครั้งนี้ที่ประชาชนเราๆท่านๆ รับรู้แล้วก็ ..หัวร่อไม่ออก ร่ำไห้มิได้

**เห่ากันขรมในสภา หมาไม่ผิด เพราะมีคนยืมปากมาใช้ มีทั้ง “พูดหมาๆ”และ“สุภาพสตรีปากหมา”!!

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตาม ม.152 ทิ้งทวนเป็นวันสุดท้ายเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ดุเดือดไม่น้อย

โดยเฉพาะช่วงที่ “เจี๊ยบ หลังม็อบ” อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพุ่งเป้าถล่ม “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บรรดา “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ต่างก็เตรียมพร้อม เพราะเชื่อว่าเดี๋ยวต้องมีงานเข้าแน่

“เจี๊ยบ อมรัตน์” พูดถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่เรียกว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ “กอ.รมน.” ที่อยู่ในกำกับดูแลของทหารนั้น ทำตัวเหมือน รัฐซ้อนรัฐ แทรกแซงไปเสียทุกเรื่อง

โดยเฉพาะหลังการรัฐประหารปี 49 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง กอ.รมน. ให้นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. แล้วให้ ผบ.ทบ. มาเป็นเลขาฯกอ.รมน. ด้วย งานนี้เลยมีทั้งงบฯ มีทั้งกำลังพลส่วนตัว และยังจัดตั้ง กอ.รมน.ระดับภาค ระดับจังหวัดอีก แล้วแบบนี้จะไม่เป็น “รัฐซ้อนรัฐ” ได้อย่างไร แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็ใช้อำนาจอย่างล้นเหลือ ขยายออกไปถึงสิ่งที่ไม่ใช่กิจของทหาร เรียกว่าเข้าไป ส. ทุกเรื่อง ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตน...
พูดเสร็จ “เจี๊ยบ” ก็มองไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาจากฝ่ายตรงข้าม

นิโรธ สุนทรเลขา
“เจี๊ยบ อมรัตน์” จึงพูดต่อ โดยเรียกร้องให้มีการยุบ กอ.รมน. ควบคู่ไปกับการปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก้ไขกฎหมายความมั่นคง ทั้งกฎอัยการศึก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กับ มาตรา 116 รวมทั้ง ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้กับผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ทั้ง มาตรา112 มาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพ์ทั้งหมด

"เมื่อเร็วๆนี้ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะปิดประตูนิรโทษกรรม ดิฉันขอถามว่า ท่านพูดหมาๆ อย่างนั้นได้อย่างไร"...

ช่วงนี้องครักษ์ ยังไม่ทันประท้วง แต่ “ศุภชัย โพธิ์สุ” รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ชิงทำหน้าที่โดยขอให้ “อมรัตน์” ถอนคำพูดที่ว่า “นายกฯพูดหมาๆ” โดย “อมรัตน์” ได้ตอบท่านประธานในที่ประชุมไปว่า “ขอถอนคำพูดว่านายกฯพูดหมาๆ”

“ท่านรองฯศุภชัย” จึงติติง พร้อมถือโอกาสอบรมมารยาทไปว่า แค่ถอนคำพูดก็พอ ไม่ต้องพูดย้ำ ในสภาแห่งนี้เป็นสภาทรงเกียรติ ถึงแม้เราจะไม่พอใจกันเป็นการส่วนตัว แต่ก็ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ควรนำคำพูดที่ไม่เหมาะสมมาใช้...

“เจี๊ยบ อมรัตน์” ไม่ยอมจบ อ้างว่า คำพูดดังกล่าวนั้นประชาชนฝากมา “รองฯศุภชัย” จึงบอกว่า จะนำคำพูดที่ประชาชนฝากมาพูดไม่ได้ ท่านอยู่ที่นี่ ท่านเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติ จะนำคำพูดที่ไม่มีหลักมาพูดไม่ได้

ศุภชัย โพธิ์สุ
จังหวะนี้ ถึงคิว “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” โดย “นิโรธ สุนทรเลขา” ส.ส.นครสรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ก็ลุกขึ้นประท้วงประธานฯ ว่า การอภิปรายลักษณะนี้ เป็นการใช้คำพูดที่หยาบ และมีการพูดเพื่อตอกย้ำ จะถอนแล้วยังตอกย้ำ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นพิษต่อร่างกายเขาทั้งนั้น จึงขอให้ท่านประธาน อย่าให้นางอมรัตน์ พูดตอกย้ำเช่นนี้อีก ก่อนตบท้ายว่า

“สุภาพสตรีไม่น่ารักครับแบบนี้ สมาชิกที่เป็นสุภาพสตรีแบบนี้ ปากอย่างกับหมา”

“รองฯศุภชัย” จึงสั่งให้ “นิโรธ” ถอนคำพูด “นิโรธ” เลยได้โอกาสเล่นมุกหนามยอกเอาหนามบ่ง ว่า ...ขอถอนที่ว่า “สุภาพสตรีปากหมา” ขอถอนออก ... ซึ่ง“อมรัตน์” ก็ตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”...

ก่อนจบเรื่องหมาหมา “ท่านรองศุภชัย” ก็ปล่อยมุกปิดท้ายว่า ห้ามพูดคำนี้อีก และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยตัดเรื่องหมาหมา นี้ออกจากบันทึกการประชุมด้วย เพราะเก็บไว้ก็อายลูกหลานในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น