ฝ่ายค้าน บี้ ยุบสภา “สุทิน” โอดเสียดายโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อเศรษฐกิจฐากราก ซัดออกเงื่อนไขสกัดโรงงานขนาดเล็ก บี้ “ประยุทธ์” แก้เงื่อนไขเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นแบ่งเนื้อข้างเขียงให้ชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ช่วงเย็น ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน ลุกอภิปรายชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะการไม่แก้ปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ประชาชน นอกจากนั้น ยังได้เสนอแนะการแก้ไขปัญหา ด้วยการนำเสนอนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เตรียมใช้หาเสียงในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เช่น ให้ประชาชนกู้เงิน ผ่านเงินกองทุนหมู่บ้านเพื่อเลี้ยงวัว 2 ตัว ลดปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 อย่างไรก็ดี ในข้อเสนอของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดย นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี อภิปรายเสนอแนะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยุบสภา
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า ตนขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่มีโครงการดีๆ อย่างโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อเศรษฐกิจฐากราก แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นความล้มเหลว ดูเหมือนเจตนาดี แต่แฝงไปด้วยวัตถุประสงค์ร้าย เหมือนสำนวนไทยว่า ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ที่มีนำร่อง 150 เมกะวัตต์ เพื่อให้ชุมชุนเป็นเจ้าของและมีประโยชน์โดยตรง ซึ่งตนผิดหวัง 8 ปีที่ผ่านมา ที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะยังติดเงื่อนไขที่ไม่จริงใจ เนื่องจากกำหนดให้โรงไฟฟ้าชุมชนมีนายทุนถือหุ้น 90 เปอร์เซ็นต์ ชุมชนถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ และหากมีการเซ็นสัญญาขายไฟต้องมีเงินประกันสัญญา 500 ล้านบาท ถามว่า วิสาหกิจชุมชนที่ไหนมาเงินมากขนาดนี้
นายสุทิน กล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่มีการตั้งโรงงานสักแห่ง สืบเนื่องจากเอกชนประมูลกันวุ่นวาย จนมีการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า มีการฮั้วประมูล ถ้าต้องการเป็นของชุมชนจริงๆ ทำไมกำหนดเงื่อนไขจากเดิม 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50-80 เปอร์เซ็นต์ ทำไมเนื้อข้างเขียงจะให้ชุมชนไม่ได้ หากตนเป็นรัฐบาลจะกวักมือเรียกชุมชนที่มีศึกษาโครงการนี้แล้วเข้ามาหาเลย เพื่อจะแก้ปัญหาให้ชุมชน อย่าให้นายทุนมาแข่งขันกับชาวบ้าน ไปให้นายทุนแข่งขันในโครงการขนาดกลางขนาดใหญ่เถอะ
“วันนี้เงื่อนไขที่ออกมามันทำให้เกิดยาก 8 ปีไม่เกิด แต่กำลังจะยกเป็นเงื่อนไขข้ออ้างว่า โรงงานขนาดเล็กล้มเหลวทำไม่ได้ ให้นายทุนใหญ่ทำเถอะ สุดท้ายก็จะกลับมาเป็นบิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ เข้าร่องความกดอากาศต่ำ เสียดายจริงๆ ของดีกลายเป็นของเสีย ของที่ผมชื่นชมกลายเป็นผิดหวัง เพราะคิดดีแต่เจตนาไม่บริสุทธิ์ ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ตอนนี้ฉลาดมาคิดเรื่องนี้ ดูไปดูมาเหมือนฉลาดแกมโกง แต่ดูไปดูมาโง่ยังไม่พออมสเปโตด้วย” นายสุทิน กล่าว
จากนั้น นางบุญญาพร นาตะธนภัท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลุกขึ้นประท้วงว่า ฟังหลายครั้งใส่ร้ายป้ายสีผิดข้อบังคับข้อ 69 กับนายกฯมาโดยตลอด ตนนั่งอยู่ตรงนี้ฟังอภิปรายหลายครั้งหลายหน ว่า ปากปราศรัยแต่น้ำใจเชือดคอ จริงๆ แล้วท่านนายกฯไม่เป็นเช่นนั้น และขอให้ถอนคำพูดว่านายกฯโง่ด้วย
