นายกฯ ควง “สุพัฒนพงษ์” เปิดงาน ชูกองทุนหมู่บ้านฯ ฟุ้งประสบความสำเร็จ ขอความร่วมมือทุกฝ่ายเดินหน้าประเทศ จับมือกันด้วยความรัก ความสามัคคี ปรองดอง พร้อมปลุกคนไทยมีสายเลือดเดียวกัน เลือดคนไทยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครอยู่แล้ว ต้องต่อสู้กันต่อไป
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณเวทีกลาง อาคารเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 6 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่ง ว่า ดีใจที่ได้มาพบกับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทุกคน วันนี้ถือเป็นการพูดกับประชาชน เพราะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการทำงานของโครงการ วันนี้สิ่งที่เราต้องการ คือ ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปให้ได้โดยพวกเราทุกคน และไม่ใช่จะไม่มีโอกาสพัฒนาได้ ทั้งนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลให้มีกำลังการผลิต การซื้อ การขาย เพราะยังมีเงินจำนวนมากมหาศาล รายได้ทั้งหมดอยู่ที่พวกเรา วันนี้กองทุนหมู่บ้านเราตั้งมาเกือบ 3 ทศวรรษเกือบจะ 30 ปีแล้ว เป็นการตั้งไปตามเจตนารมณ์เดิม ซึ่งตนต้องการให้ประชาชนทุกคนขับเคลื่อนประเทศของเราเพราะประเทศไทยมีพื้นดินพื้นน้ำที่ถือว่าดีพอสมควร บางพื้นที่อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดเราต้องจัดระเบียบตรงนี้ให้ได้ซึ่งทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ตนและรัฐบาลพยายามทำคือให้ทุกคนได้กลับกลับบ้าน ไปยังภูมิลำเนาเดิมของตัวเอง กลับไปเป็นเกษตรกรเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ตนอยากเห็นภาพนี้ พยายามมาหลายปีแล้ว ซึ่งทุกคนต้องร่วมกันเพื่อที่ทุกคนจะมีรายได้ ท้องถิ่นจะได้มีงบประมาณในการบริหารงานเพื่อตัวเองที่ผ่านมาเรามีงบประมาณค่อนข้างจำกัด ทำให้การพัฒนาจำกัดไปด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านฯ ตั้งมาเกือบ 30 ปี ซึ่งแน่นอนย่อมมีปัญหาบ้างแต่ทุกอย่างปัญหามีไว้แก้ อุปสรรคมีไว้เพื่อการต่อสู้ เราต้องไม่ท้อแท้เราต้องทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ โดยพื้นฐานของความสุจริตใจ ผมพยายามขับเคลื่อนในทุกเรื่อง ตอนนี้พยายามที่จะปรับให้ทุกคนได้เข้าถึง สิ่งสำคัญที่สุดคือปัญหาหนี้สินครัวเรือนของทุกคน รัฐบาล มีโครงการในการช่วยเหลือเกี่ยวกับหนี้สินเพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อนมากนัก อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องชำระ แต่ทำอย่างไรให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด ขอฝากทุกคนให้ช่วยติดตาม ความเข้มแข็งของกองทุนคือให้โอกาสประชาชนได้บริหารจัดการหมู่บ้านชุมชนของตัวเอง ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ และชุมชนต้องร่วมกันแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องหาวิธีการ มีการเปลี่ยนแปลง เรื่องของออนไลน์จะเข้ามาช่วยมากขึ้น รวมทั้งเส้นทางคมนาคม ที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น ถือเป็นโอกาสของความเท่าเทียม และลดภาระค่าใช้จ่ายมีความสะดวกมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วานนี้ (9 ก.พ.) ได้พบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียท่านก็บอกว่าประเทศไทยมีอะไรดีเยอะ ทั้งอาหารการกิน เขาชื่นชมประเทศไทยหลายอย่างเขาอยากขอความเห็นจากเราเพื่อช่วยแนะนำด้วย ซึ่งผมได้บอกไปว่าเทคโนโลยีของมาเลเซียก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็พร้อมร่วมมือเพราะเป็นอาเซียนด้วยกัน ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้นอย่างสินค้าโอท๊อป และสินค้าไอจี ดังนั้น หลายอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยน ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกันในการพัฒนาทุกอย่างให้ดีขึ้น รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญโดยทำให้มีการระเบิดจากข้างในพวกเรา ซึ่งก็ต้องทำใจร่วมมือกันตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มาแสดงความยินดีและมาติดตามผลงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้ประชาชนทุกคนมีรายได้ที่สูงขึ้น ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมซึ่งมี 6 ยุทธศาสตร์ ดังนั้นถ้าเราไม่มียุทธศาสตร์เราก็เดินหน้าเปะปะไปหมด เราต้องลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม สร้างรายได้ ลดรายจ่าย
“ไม่มีใครทำความสำเร็จได้เพียงคนเดียว ผมคนเดียวก็ทำไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือรวมกลุ่มกันและช่วยกันทำในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งจะส่งผลถึงทุกคน ไม่ใช่ส่งผลแค่คนเดียว เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน จับมือกันเดินโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำให้ได้ คือทำให้ระดับฐานรากโตขึ้นในทุกมิติ เพื่อพัฒนาประเทศให้มีความเจริญมั่นคง สิ่งสำคัญคือความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง เราอย่าทำให้มีปัญหาระหว่างกัน ประชาชนกับประชาชนต้องรักกัน อยู่บนพื้นฐานของความผูกพันของความรัก ความสามัคคี สายเลือดเดียวกัน เลือดคนไทยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครอยู่แล้ว เราต้องต่อสู้กันต่อไปเพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา เพื่อความสุขและประโยชน์ของคนไทยทุกคน ส่งต่อถ่ายทอดไปสู่ลูกหลาน ถ้าเราไม่ทำแบบนี้แล้วใครจะทำ แล้วลูกหลานของเราก็จะมาเจอปัญหาเหมือนเดิม ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันอย่างไร เมื่อเช้าผมได้พบกับเยาวชนซึ่งก็น่าชื่นใจเขาฟังนายกฯพูดประมาณ 1 ชั่วโมง ก็พูดให้เยาวชนฟังว่าประเทศชาติจะพัฒนาไปอย่างไร และวันนี้เป็นรอยต่อของคนรุ่นนี้ เขาจะสืบทอดกับเราอย่างไร หลายคนมองว่าคนแก่ไร้ประโยชน์ ซึ่งมันไม่ใช่ เราทำลายครอบครัวนี้ไม่ได้ เราต้องทำให้ครอบครัวเข้มแข็ง พ่อแม่มีความสุข ปู่ย่าตายายได้รับการดูแลจากลูกหลาน เพราะฉะนั้นลูกหลานจะดูแลได้ส่วนหนึ่งก็คือจากกองทุนหมู่บ้านจะต้องเข้มแข็งมีรายได้มากขึ้นไม่เช่นนั้นสังคมก็จะมีปัญหาขอฝากทุกคนไว้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้าน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ความสำเร็จของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะระยะเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมา ในช่วงสองปีกว่านี้ นายกรัฐมนตรีได้มีดำริและเป็นความปรารถนาที่อยากเห็นว่าทำอย่างไรจะให้เศรษฐกิจรากหญ้าผ่านกองทุนหมู่บ้านได้ออกดอกออกผลเป็นประโยชน์กับประชาชนสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อให้เกิดเป็นความร่วมมือของชุมชนในการทำกิจกรรมของหมู่บ้านและชุมชนเมืองไม่ใช่เป็นเพียงแค่บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ใช่ให้แค่บุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็นการดูแลกองทุนในระดับหมู่บ้านและชุมชนให้เกิดความสามัคคีความร่วมมือและการทำงานร่วมกันช่วยกันคิดช่วยกันทำ สองปีกว่าที่ผ่านมามีการปรับปรุงในหลายเรื่องสิ่งสำคัญที่สุดเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เห็นว่ากองทุนหมู่บ้านและชุมชนมีความเข้มแข็งและวัดผลได้สิ่งสำคัญที่สุดหน่วยงานตรวจสอบของภาครัฐ คือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเราใช้เวลาในการวางระบบสร้างมาตรฐานให้เกิดความมั่นใจให้กับ สตง. แน่นอนว่า 80,000 กว่ากองทุน อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็จะมีมาตรฐานทมีกองทุนประสบความสำเร็จ และสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับชุมชนอื่นได้
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า นอกจากเรื่องการเลี้ยงโคแล้วก็ยังมีแนวทางเรื่องของ BCG ซึ่งเกี่ยวกับชีวภาพเกี่ยวข้องกับการหมุนเวียนพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งทรัพยากรจะได้ไม่สิ้นเปลืองสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ขณะเดียวกันก็จะเป็นเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งทั้งหมดเรียกว่า BCG แม้จะดูใกล้ตัวแต่มีบทเรียนของความสำเร็จเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมแผนงานไว้ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองไว้แล้ว สำหรับนโยบายการแก้ไขปัญหาขยะ เรามีต้นแบบหลายที่เกิดขึ้นในประเทศและประสบความสำเร็จ มีการแยกขยะในระดับชุมชนครัวเรือนและวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองสามารถติดตั้งการแยกขยะซึ่งใช้เงินจำนวนไม่มาก ซึ่งมีหลายชุมชนดำเนินการมีรายได้จำนวนมาก สามารถเปลี่ยนขยะเป็นเงินทองได้ ขยะเปียกก็สามารถดำเนินการได้โดยเทคโนโลยีสมัยสมัย ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีฝ่ายวิชาการสนับสนุน
“ผมหวังว่า ความสำเร็จในครั้งนี้จะเกิดขึ้นซึ่งเป็นการแสดงถึงความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศที่จะสร้างชาติไทยอีกครั้งหนึ่งพี่จะเข้มแข็งกว่าเดิมหลังจาก โควิด-19 ขอฝากและส่งกำลังใจให้กับทีมงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่จะช่วยกันให้ความรู้ดูแลประชาชนและสมาชิกกองทุนฯ และถือเป็นภารกิจที่คนไทยทั้งประเทศในทุกหมู่บ้านและชุมชนจะได้มีโอกาสร่วมกันสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้เกิดขึ้น ถือเป็นความปรารถนาสูงสุดของนายกรัฐมนตรี” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว