“สมชัย” จี้ กกต.ยื่นศาล รธน.ตีความราษฎร เพื่อเป็นหลังอิงทำงานได้ปลอดภัย เตือนดึงดันผิดเจอฟ้องประมาทเลินเล่อร้ายแรง เหน็บชดใช้ 70 ล.คดีใบส้มยังไม่พอดีกว่าโดนฟ้องจ่ายหลายร้อย ล. ชี้ 5 จว.แก้แบ่งเขตใหม่ทัน 28 ก.พ. ติงวิธีให้ความเห็น ปชช.ยุ่งยากเหมือนไม่ต้องการฟังความเห็น
วันนี้ (9 ก.พ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีเลขาธิการ กกต.สั่งให้ 5 จังหวัดทบทวนแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ว่า ใน 5 จังหวัดมีกรุงเทพฯ กับ จ.ชลบุรี ที่ค่อนข้างมีปัญหามากสุด ส่วน 3 จังหวัดแทบจะไม่มีปัญหาอะไร และส่วนรูปแบบอีก 2 รูปแบบก็ถือว่าทำถูกต้อง ดังนั้น 3 จังหวัดนั้นทำตามคำสั่งของเลขาธิการ กกต.ไปแล้ว ซึ่งที่แก้ไปแล้ว ก็จะมี ปัตตานี เชียงใหม่ และ สมุทรปราการ ส่วน กทม.กับชลบุรีวันนี้ก็ยังไม่มีการประกาศการแก้ไข แต่ยิ่งทำช้าก็จะยิ่งทำให้งานปิดยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังเชื่อว่าการทำงานเรื่องนี้ของ กกต.อยู่ภายใน 28 ก.พ.
“สิ่งที่อยากสะท้อน คือ การรับฟังความเห็นจากประชาชน กกต.กำหนดวิธีการที่ยุ่งยากเกินไป ต้องมาเขียนข้อความแล้วส่งเป็นเอกสาร ต้องแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน ยังกรณีมอบอำนาจก็ต้องทำหนังสือส่งมอบอำนาจอีก เป็นวิธีการที่ยุ่งยากเหมือนไม่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนอยากแสดงความคิดเห็นใดๆ เลย แล้วพอไม่มีประชาชนแสดงความเห็น กกต.ก็จะสรุปตามใจชอบของตัวเอง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนมองว่าต้องการออกแบบเช่นนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นหรือไม่”
ส่วนกรณีการนำราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณจำนวน ส.ส. และแบ่งเขต ซึ่งยังมีความเห็นต่างในเรื่องความหมายของคำว่าราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 โดย กกต.ไปตีความว่าหมายถึงราษฎรทั้งหมดทั้งที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย ตรงนี้ทำให้มีปัญหาการคำนวณจำนวนราษฎร 980,000 คน โดยจำนวนนี้ไปหนักอยู่ที่จ.เชียงใหม่ เชียงราย และตาก ทำให้ 3 จังหวัดนี้ มี ส.ส.เพิ่มมาจังหวัดละ 1 คน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังแบ่งเขต คือ ในเขตเลือกตั้ง มีบางอำเภอที่มีคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาอยู่เป็นจำนวนมากราวๆแสนคน เช่น อ.แม่อาย ฝาง เวียงแหง และไชยปราการ อำเภอเหล่านี้เมื่อแบ่งเขตเลือกตั้งจะดูดีมีจำนวนราษฎรใกล้เคียงกันแต่เวลาเลือกตั้งจริง ราษฎรที่มีสิทธิเลือกตั้งอาจจะมีไม่ถึงครึ่งกลายเป็นว่าเรื่องอำนาจอิทธิพล การซื้อเสียงต่างๆ จะมีโอกาสใช้ได้ผลอย่างเต็มที่และผู้ได้รับเลือกตั้งมีคะแนนเพียงหลักหมื่นต้นๆ
นายสมชัย ยังเรียกร้องว่า เมื่อ กกต. ยังมีโอกาสที่จะทำให้เรื่องนี้ชัดเจนก็ควรยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคำว่า “ราษฎร” ตามมาตรา 86 คืออะไร เพื่อเป็นหลังอิงให้ กกต.ทำงานได้มั่นคง ปลอดภัยมากขึ้น กกต.ไม่เสียหายอะไรเลยถ้าจะไปยื่นศาลตีความเรื่องนี้ หากศาลตีความตาม กกต.ก็เดินหน้าตามตารางงานเดิมได้เลย แต่ถ้าศาลว่าไม่ใช่ กกต.ก็ต้องถอนกลับมาเพื่อแก้ไขการแบ่งเขตเลือกตั้งตามจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรวม6 จังหวัด 40กว่าเขต อาจล่าช้าไปเพียง 2 สัปดาห์แต่ยังทันกับการเลือกตั้ง ดีกว่าที่ว่าประชาชนผู้ถูกลิดรอนสิทธิใน 3 จังหวัดที่ควรได้แต่ไม่ได้ ส.ส.เพิ่มไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือร้องโดยตรงกับศาลรัฐธรรมนูญ และถ้าศาลระบุว่าผิดขึ้นมามันจะเกิดการถอยหลังกลับ และเกิดความเสียหายจนอาจมีการร้องให้การเลือกตั้งใน 6 จังหวัด หรือทั้งหมดเป็นโมฆะ ซึ่ง กกต.จะมาอ้างเหตุว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหาย ไม่ใช่การประมาทเลินเล่อร้ายแรงไม่ได้ เพราะมีการเตือน การทักท้วงก่อนแล้ว แต่ไม่ดำเนินการ ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นก็ต้องถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อร้ายแรง ถ้ามีการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้สมัครรับเลือกตั้งใน 40 เขตนั้นก็น่าจะเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ถ้าผิดจริงเรื่องนี้ต้องชดใช้ตามตัวบุคคลไม่สามารถนำเงินราชการมาชดใช้ได้
“ใบส้ม 70 ล้าน ยังเสียหายไม่พอหรือ การตัดสินวินิจฉัยของ กกต.ไม่ได้ถือว่าคุณถูกต้อง ถ้าถูกต้องคงไม่เกิดกรณีใบส้ม 70 ล้าน ดังนั้นประเด็นนี้ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นจากการวินิจฉัยของ กกต.ขึ้นอีกก็ได้ ให้ดีควรทำให้เกิดความชัดเจนเสียก่อนเลือกตั้งดีกว่า”