วันนี้(8 ก.พ.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา-พลโท อัศวิน รัชฎานนท์-นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรค,นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค, นางสาว อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกประจำตัว ส.ส.มงคลกิตติ์ฯ,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข รองโฆษกพรรค ,นางสาวกนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ รองโฆษกพรรคฯ นางสาวกฤษยากร สรชัย ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค,ดร.อนวรรช ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรค,นายอดิศร สังข์จันทร์ กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ จ.ตรัง เป็นวันที่สอง โดยนายมงคลกิตติ์และคณะ ได้กินหมูย่างเมืองตรัง ติ่มซำ ปาท่องโก๋ที่เรียกว่า จาโก้ย ข้าวหมูแดง หมูกรอบ หมี่เครื่องใน หมี่หมูย่าง ขนมจีนแกงปู ภายในร้านตรังหมูย่าง ซึ่งเจ้าของร้านได้ต้อนรับและรับรองคณะของพรรคไทยศรีวิไลย์เป็นอย่างดี ต่อมา ก็ได้พบปะประชาชนที่มาจับจ่ายทอดปลาท่องโก๋ โดยนายมงคลกิตติ์ ได้ทอดปาท่องโก๋เป็นรูปร่าง ‘ลุงตู่’ และได้เหมาปาท่องโก๋เพื่อเป็นกำลังใจให้พ่อค้าแม่ค้าและเป็นการเสริมพลังให้กับคณะ
จากนั้นพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางไปยังจังหวัดพัทลุง เพื่อสักการะ พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือพระสี่มุมเมืองประจำทิศใต้ ตั้งอยู่ในบริเวณศาลากลาง จังหวัดพัทลุง ซึ่งพระพุทธรูปดังกล่าว เป็นที่เคารพสักการะบูชา ของชาวพัทลุง และชาวไทยทั่วประเทศ โดยจะต้องมีโอกาสมากราบไหว้เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งนายมงคลกิตติ์ และคณะ ขอพรให้พรรคไทยศรีวิไลย์ประสบความสำเร็จตามความของมุ่งหมายในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
ต่อมา ได้ไปสักการะหลวงปู่พลับ วัดชายคลอง ซึ่งเป็นพระเกจิคณาจารย์ที่สำคัญอีกรูปหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะเหรียญ และผ้าผ้ารอยมือ รอยเท้า ของหลวงปู่พลับ ที่ชาวพัทลุงและชาวบ้านใกล้เคียงที่มีความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และได้นมัสการ พระครูภาวนาธรรมประสิทธิ์ (ประสิทธิ์ ปสนฺนจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดชายคลองรูปปัจจุบัน ซึ่งได้ให้คำแนะนำและอวยพรให้พรรคไทยศรีวิไลย์ ประสบความสำเร็จตามที่หวัง และเน้นย้ำเกี่ยวกับการเป็นนักการเมืองที่ดี ซึ่งถือเป็นสิริมงคลต่อพรรคฯ เป็นอย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางนายมงคลกิตติ์ และคณะ ได้เดินเยี่ยมประชาชน ณ ตลาดเทศบาลเมืองพัทลุง ทั้งนี้ มีประชาชนที่จับจ่ายซื้อของและสัญจร ต่างเรียกนายมงคลกิตติ์ และคณะ ให้มาขอถ่ายรูปจำนวนมาก และได้เชื้อเชิญให้ทางคณะมาชิมอาหารต่างๆ มากมาย ต่อมา ได้เดินทางไปยัง อ.กงหรา จ.พัทลุง เพื่อดำเนินการ ตั้งตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ประจำจังหวัดพัทลุง ซึ่งไปเป็นตามกฎหมายที่ระบุว่า หากพรรคการเมืองต้องการส่งผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดต่างๆ ก็ควรจะมีตัวแทนพรรคภายในจังหวัดนั้นๆ โดยผลการคัดเลือกปรากฏว่า นางจิราภร ณะวะกะ เป็นตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ประจำจังหวัดพัทลุงเขต 1 นายเสนอ จันทร์ราม และเขต 3 นายชำนาญ แก้วบริสุทธิ์ เขต 2 กำลังสรรหา
ต่อมา ทางพรรคฯ ได้เปิด เวทีปราศรัย ต.คลองทรายขาว อ.กงหลา จ.พัทลุง ซึ่งทางพรรคฯ ได้เปิดตัว นายณฐภัทรพล เอียดขาว ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีประชาชนร่วมฟังกว่า 500 คน
โดยนางสาวภคอร กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ ต้องขอขอบคุณชาวจังหวัดตรังทุกท่าน ที่ให้การต้อนรับและเปิดโอกาสให้พรรคไทยศรีวิไลย์ได้บอกกล่าวนโยบายดีๆ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะการให้โอกาสฝึกทำอาหารต่างๆ โดยเฉพาะ จาโก้ย ซึ่งเป็นปาท่องโก๋ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวจังหวัดตรัง
ดังนั้น การที่ตนและคณะ ได้มาลงพื้นที่และได้รับการต้อนรับอย่างดีแบบนี้ ก็ต้องถือว่า ความนิยมของพรรคฯ อยู่ในระดับที่ดี จากนั้น ตนและคณะ ได้เดินทางไปยังจังหวัดพัทลุง เพื่อกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดพัทลุง เพื่อมาบอกกล่าวและขอพรให้พรรคไทยศรีวิไลย์ ประสบความสำเร็จตามความตั้งใจในการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะถึงนี้ จากนั้น ตนและคณะก็ได้เดินไปในตลาดเทศบาลเมืองพัทลุง ก็ต้องตกใจเพราะมีประชาชนจำนวนมากรุมล้อมขอถ่ายรูปนายมงคลกิตติ์ และคณะ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเขาชื่นชมในการที่นายมงคลกิตติ์ กล้าเปิดโปงนโยบายของรัฐบาลที่พยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า ทำประโยชน์ให้กับประเทศจำนวนมาก แต่ก็สร้างหนี้สาธารณะมากเช่นกัน และยังชื่นชมว่า กล้าเสนอนโยบายที่ไม่มีใครกล้าทำโดยเฉพาะเรื่องการนำผลประโยชน์เกี่ยวกับการพนันมาแปรเป็นนโยบายสาธารณะ
หลังจากนั้น ตนและทางคณะกรรมการบริหารพรรค ก็ได้เข้าร่วมประชุมการสรรหาตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ประจำจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ซึ่งได้ ตัวแทนของพรรคในจังหวัดพัทลุง และเมื่อได้ตัวแทนประจำจังหวัดแล้ว ก็ได้พาขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกับ นายณฐภัทรพล ซึ่งประสงค์ลงสมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อแนะนำว่า ทั้ง 4 คน ไม่ใช่คนอื่นไกลในพื้นที่แต่อย่างใด และได้แนะนำนโยบายต่างๆ เช่น การทำให้หวยใต้ดินและแพลตฟอร์มต่างๆ สามารถช่วยชาติได้ โดยการนำเงินรายได้ที่รั่วไหลต่างๆ จากหวยใต้ดิน มาทำสวัสดิการประชาชน อาทิ เบี้ยคนชรา 5,000 บาท/เดือน เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกถือบัตรชั้น 2-3-4 เดือนละ 3,000 บาท อสม-อปพร-คนพิการ เดือนละ 3,000 บาท การปรับปรุงและเสริมประสิทธิภาพกองทุนสตรี โดยจะสนับสนุนหมู่ล้านละ 1 ล้านบาท การผลักดันให้ราคาพืชผลที่สำคัญของชาวใต้ ให้มีราคาดีขึ้น เช่น ราคายางแผ่นดิบ ไม่น้อยกว่า 80 บาท/กก ราคาปาล์มทะลาย 7.5 บาท/กก ตลอดเวลาที่พรรคไทยศรีวิไลย์ทำหน้าที่ในรัฐบาล การปฏิรูประบบยุติธรรมให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตั้งสำนักงานทนายรัฐ เพราะเล็งเห็นว่า ประชาชนยังด้อยโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เนื่องด้วยไม่มีทนายความและทุนทรัพย์ในการดำเนินคดี ทำให้มีข้อเสียเปรียบเป็นอย่างมาก และสุดท้าย จุดจบก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ‘คุกมีไว้ขังคนจน’
ตอนนี้มีหลายพรรคที่มีนโยบายให้เบี้ยยังชีพแก่กลุ่มคนต่างๆ แต่กลับละเลยคนที่สำคัญที่สุดก็คือทหารผ่านศึก ซึ่งตนปราศรัยยืนยันกับประชาชนว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ ให้ความสำคัญกับบรรดาทหารผ่านศึกมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มาทำตอนใกล้จะเลือกตั้ง โดยรับรองด้วยเกียรติของตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ว่า นโยบายทั้งหมดเหล่านี้จะไม่ก่อปัญหาวินัยทางการเงินการคลังแน่นอน รวมทั้ง หากต้องการให้พรรคไทยศรีวิไลย์ร่วมรัฐบาล จะต้องผลักดันให้มีการดำเนินการนโยบายของพรรคฯ อย่างจริงจัง โดยต้องบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลด้วย ไม่ใช่แค่หวังหนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และเชื่อมั่นว่า กระแสตอบรับทั้ง 2 จังหวัด พอลุ้นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในระดับ 30,000 คะแนนขึ้นไปได้ ส่วน ส.ส.เขต น่าจะได้คะแนนพอสมควร