รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 12 ตอน วงเงิน 4,970.71 ล้านบาท
วันนี้ (7 ก.พ.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติการเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 12 ตอน วงเงิน 4,970.71 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ประกอบด้วย
ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันฯ จากปีงบประมาณ 59-63 เป็น 59-66 จำนวน 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่5,20 และ 24 ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน จากปีงบประมาณ 59-63 เป็นปีงบประมาณ 59-67 จำนวน 5 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 2,18, 19, 34 และ 39 และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันฯ จากปีงบประมาณ 59-63 เป็นปีงบประมาณ 59-68 จำนวน 4 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1, 4, 21 และ 23
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า วงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้จะทำให้กรอบวงเงินค่าก่อสร้างทั้งโครงการรวมการก่อสร้าง 40 ตอน เพิ่มจากเดิม 59,410.24 ล้านบาท เป็น 64,380.95 ล้านบาท และวงเงินลงทุนรวมทั้งโครงการ (รวมค่าจัดการกรรมสิทธิ์ 6,630 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายเสร็จสิ้นแล้ว) เพิ่มจาก 66,040.24 ล้านบาท เป็น 72,795.90 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในกรอบที่ ครม. อนุมัติงบประมาณสำหรับทั้งโครงการครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 59 ที่ 76,600 ล้านบาท โดยค่าก่อสร้างรวมยังต่ำกว่าวงเงินค่าก่อสร้างที่ ครม. อนุมัติ ร้อยละ 7.99 ขณะเงินลงทุนทั้งโครงการต่ำกว่ากรอบวงเงินที่ ครม. อนุมัติร้อยละ 7.30 แต่ที่ต้องเสนอให้ ครม. อนุมัติครั้งนี้เนื่องมาจากค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลาดำเนินการได้เกินกว่ารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ ครม. เคยอนุมัติสำหรับการก่อสร้างแต่ละตอน
สำหรับความจำเป็นที่ต้องขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างดังกล่าว กระทรวงคมนาคมรายงานว่าเนื่องจากมีงานก่อสร้างที่พบอุปสรรคจำเป็นต้องปรับปรุงแบบก่อสร้างให้เหมาะสม ใน 4 กรณี ได้แก่ 1. สภาพพื้นที่ในสถานที่ทำการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงจากเดิม 2. ต้องปรับปรุงรูปแบบทางวิศวกรรมให้สอดคล้องกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ในปัจจุบัน 3. ปรับปรุงให้เหมาะสอดคล้องกับโครงสร้างสาธารณูปโภคหรือความจำเป็นของหน่วยงานที่โครงการตัดผ่าน และ 4. ปรับปรุงรูปแบบการก่อสร้างเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่และให้สอดคล้องกับโครงข่ายถนนที่ประชาชนใช้ทางในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ณ เดือน พ.ย. 65 โครงการมีความคืบหน้างานก่อสร้างคืบหน้าร้อยละ 87.67 จากแผนที่ ณ เวลาดังกล่าวต้องมีความคืบหน้าร้อยละ 89.67 หรือล่าช้าไปจากแผนร้อยละ 2 ซึ่ง ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงเร่งรัดดำเนินการแก้ไขไขสัญญาเพิ่มเติมตามที่ได้อนุมัติในครั้งนี้ และกำกับการก่อสร้างงานโยธาในส่วนที่หลือให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด