ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ชีวิตที่คุ้มค่า เก่ง-กล้า-ดี “นุกูล ประจวบเหมาะ” ที่สุดของแบบฉบับข้าราชการตงฉิน
ขอแสดงความอาลัยแด่ “นุกูล ประจวบเหมาะ” อดีตผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน ที่ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 93 ปี เมื่อวันอาทิตย์ (5 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยญาติได้แจ้งพิธีสวดพระอภิธรรม เวลา 18.00 น. เริ่มวันจันทร์ที่ 6-วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ ณ ศาลาพิชานันท์ วัดธาตุทอง
“นุกูล ประจวบเหมาะ” ถือเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงราชการและการเมือง ที่มักถูกกล่าวถึงเสมอในเรื่องราวชีวิตการทำงาน และการเข้าไปมีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์สำคัญๆ ของเศรษฐกิจไทย ซึ่งสะท้อนตัวตน “ชีวิตที่คุ้มค่า” ดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมุ่งมั่น ตั้งใจ ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติด้วยความเสียสละ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นข้าราชการตงฉิน คน “เก่ง-กล้า-ดี” ที่น่ายึดเอาเป็นแบบอย่าง
“นุกูล” เกิดในครอบครัวคหบดี ย่านชุมชนบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวัยเรียนได้รับการศึกษาอย่างดีโดยหลังจากเรียนจบเตรียมอุดมศึกษา ก็เดินทางไปศึกษาต่อปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ถือเป็นนักเรียนไทยรุ่นแรกๆ ในประเทศออสเตรเลีย และปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยยอร์จ วอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังจากจบปริญญาตรี เมื่อ พ.ศ. 2496 ด้วยวัย 23 ปี “นุกูล ประจวบเหมาะ” ได้เข้ารับราชการที่กองเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยการชักชวนของ “ป๋วย อึ๊งภากรณ์” และได้รับคัดเลือกไปฝึกงานที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และกลับมาทำงานที่ กรมบัญชีกลาง
จากนั้นได้ไปทำงานตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจการคลัง สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงวอชิงตัน และได้พบกับภรรยา คือ “เจนจิรา วิกิตเศรษฐ” และสมรสกันเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2505
“นุกูล” เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2507 และได้รับตำแหน่งรองอธิบดีกรมทางหลวง มีหน้าที่บริหารงานติดต่อและบริหารเงินกู้จากธนาคารโลก
ต่อมา พ.ศ. 2517 ย้ายมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา กระทรวงการคลัง และถูกย้ายไปเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2518 เพื่อแก้ปัญหาพนักงานโรงกษาปณ์ประท้วงหยุดงาน
จากนั้นย้ายไปเป็นอธิบดีกรมสรรพากร เมื่อเดือนกันยายน ปีเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหารัฐไม่สามารถเก็บภาษีได้ตามเป้า และย้ายไปเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง เมื่อ พ.ศ. 2521
“นุกูล ประจวบเหมาะ” ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แทน “เสนาะ อุนากูล” ที่ลาออกจากตำแหน่งด้วยปัญหาสุขภาพ โดยการเสนอชื่อโดย “พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์” เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2522 โดยเข้ามาพร้อมกับสถานการณ์ที่วิกฤตของชาติ และอาการร่อแร่ของแบงก์ชาติ
ว่ากันว่า ยุคที่ “นุกูล ประจวบเหมาะ” เป็นผู้ว่าการ ธปท. ในปี 2522 และปี 2523 ได้มีการผูกค่าบาทกับเงินดอลลาร์ ไว้ไม่ให้เกิน 21 บาท ในขณะที่ไทยประสบปัญหาการขาดดุลการค้า ทำให้ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนต้องเข้าไปพยุงค่าเงินบาท ด้วยการขายเงินดอลลาร์ออก เพื่อตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ แต่ในที่สุดก็รักษาไว้ไม่ได้ จนต้องประกาศลดค่าเงินบาทจาก 21 บาท เป็น 23 บาทต่อ 1 ดอลลาร์
“นุกูล” นั่งเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติอยู่นานถึง 5 ปี ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2527 เนื่องจากขัดแย้งกับ “สมหมาย ฮุนตระกูล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยนั้น เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะกรณีที่ธนาคารเอเชียทรัสต์ล้มลง และ ธปท.เข้าไปถือหุ้นใหญ่
หลังจากอำลาชีวิตข้าราชการ “นุกูล” เริ่มทำงานในภาคเอกชน ที่บริษัท สยามกลการ จำกัด โดยได้รับคำเชิญจาก “ถาวร พรประภา” ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร ซึ่งขณะนั้น สยามกลการ อยู่ในภาวะวิกฤต แต่ “นุกูล” ก็สามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ให้กลับมาได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี 5 เดือน
ขณะที่เส้นทางการเมือง “นุกูล ประจวบเหมาะ” ได้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน 2 สมัย ระหว่าง พ.ศ. 2534-2535 และเป็นผู้เข้ามาตรวจสอบการทุจริตในสัญญาโครงการโฮปเวลล์ และรถไฟฟ้าลาวาลิน จนกระทั่งสั่งยกเลิกสัญญาโครงการดังกล่าว
“นุกูล” เคยกล่าวถึงชีวิตข้าราชการของตัวเอง ว่า "การเป็นข้าราชการที่ดี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวหน้า ถ้าหัวหน้าวางตัวดี ไม่มีนอกไม่มีใน ลูกน้องก็จะไม่ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง"
ขณะที่ “อานันท์ ปันยารชุน” เคยเล่าถึง “นุกูล” ว่า ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ไม่หลงตัวเอง ทำงานตรงไปตรงมา เป็นข้าราชการที่ยึดถือความถูกต้อง มีจริยธรรม และความชอบธรรม
“ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม” ผู้เคยร่วมทำงานด้วยกันกับ “นุกูล” ที่แบงก์ชาติ เคยกล่าวไว้ว่า สมัยที่นุกูลเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติ เห็นว่ากระทรวงการคลังใช้จ่ายเกินตัว ท่านได้ทำหนังสือร่าง ซึ่งเราเรียกกันว่า “กระบี่เขียว” เพราะชอบเซ็นด้วยหมึกสีเขียว ส่งถึงรัฐมนตรี ให้ปรับการคลังให้เข้ารูปเข้ารอย ไม่ทำให้ประเทศล้มละลาย ส่งผลเสียต่อแบงก์ชาติ ทุกวันนี้หายากแล้วที่จะมีผู้บริหารของประเทศบอกนักการเมืองแก้ไขปัญหาแบบนี้
นี่คือ “ชีวิตที่คุ้มค่า” เก่ง-กล้า-ดี ของเอกบุรุษ... นุกูล ประจวบเหมาะ .
**“อนุทิน” ดึงตระกูล “เรี่ยวแรง” ร่วมปักธงภูมิใจไทยที่นนทบุรี
เพราะ “ครูใหญ่เนวิน” หวังจะเห็นลูกศิษย์คนเก่ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ และตั้งเป้าจำนวน ส.ส.อย่างน้อย 120 ที่นั่ง ดังนั้น ทุกพื้นที่ ทุกภูมิภาค ล้วนมีความหมาย ที่พรรคภูมิใจไทยไม่ยอมปล่อยผ่าน
โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยยังไม่สามารถปักธงได้ แม้จะเคยส่งผู้สมัครมาแล้วถึงสองครั้ง ...ครั้งนี้จึงต้องทุ่มเทเป็นพิเศษ โดยมี “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” มาเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแล และเมื่อวันก่อน “อนุทิน” ก็เพิ่งดีเดย์ จัดเวทีปราศรัย พบปะประชาชน เพื่อเปิดตัว “กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองเตย-วัฒนา ของพรรคไปแล้ว
“อนุทิน” บอกว่า พรรคภูมิใจไทย มอง กทม. คือ หัวใจของประเทศ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมา คน กทม.ไม่เลือกเราแล้วเราจะไม่สนใจ วันนี้เราต้องการเปลี่ยนหัวใจของพี่น้องในพื้นที่ กทม. ให้เป็นภูมิใจไทย รอบนี้เรามาจริง และคิดไว้ว่าจะมาแรง ไม่ใช่ลมเพลมพัด...ท่านเพียงเลือก “กรณิศ” เป็น ส.ส. ที่เหลือเป็นความรับผิดชอบของผม ผมจะให้ “กรณิศ” รับใช้พี่น้องด้วยความสามารถที่เขามีอยู่ในทุกเรื่อง...
ไม่เพียงกรุงเทพฯเท่านั้น ยังมีจังหวัดปริมณฑลที่ “อนุทิน” ต้องการปักธง “ภูมิใจไทย” ให้โบกสะบัด อย่าง จ.สมุทรปราการ ก็จะส่ง “ชนม์ทิดา อัศวเหม” ลูกสาวคนเก่งของ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม-นันทิดา แก้วบัวสาย” และเป็นหวานใจของ “หนุ่มเป๊ก” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอนุทิน ลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในลำดับต้นๆ ชนิดที่รับประกันได้เป็น ส.ส.แน่
ล่าสุด “อนุทิน” ยังเปิดตัวสมาชิก “ตระกูลเรี่ยวแรง” ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในบ้านใหญ่เมืองนนท์ ที่จะลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรค เพื่อเป็นตัวแทนรับใช้ชาวนนทบุรี ถึง 3 คน คือ “ฉลอง เรี่ยวแรง” อดีต ส.ส.หลายสมัย ...“เจริญ เรี่ยวแรง” ส.ส.นนทบุรี พรรคพลังประชารัฐ ผู้เป็นภรรยา ที่เพิ่งลาออกจากพลังประชารัฐ สดๆ ร้อนๆ และ “ปารมี เรี่ยวแรง” ลูกสาวคนเล็กของฉลอง
สำหรับ “ฉลอง เรี่ยวแรง” นั้น ได้เป็น ส.ส. ครั้งแรกเมื่อปี 2539 สังกัดพรรคประชากรไทย ต่อมาในปี 2544 ย้ายมาลงเลือกตั้งกับพรรคชาติพัฒนา แต่สอบตก โดยแพ้ให้กับ “พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย” จากพรรคไทยรักไทย ...เลือกตั้งปี 2548 ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ได้เป็น ส.ส.อีกครั้ง ...ปี 2550 ไปลงสมัครกับพรรคประชาราช สอบตก ...ปี 2554 ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ได้เป็น ส.ส. สมัยที่ 3
เลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี 2562 “ฉลอง” ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ภรรยาของเขา “เจริญ เรี่ยวแรง” ที่สังกัดพรรคเดียวกัน ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 1 นนทบุรี
ในช่วงที่เป็น ส.ส. “ฉลอง” นับว่าเป็นนักการเมืองที่มีสีสันคนหนึ่ง เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วประเทศ มีหลายฉายา เช่น “หลอง งูเห่า” โดยในช่วงปลายปี 2540 เขาเป็น 1 ใน 13 กลุ่มงูเห่า ที่ไม่ทำตามมติของพรรคประชากรไทย โดยหันไปสนับสนุน “ชวน หลีกภัย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี
อีกฉายาคือ “หลอง ซีดี” ในยุคที่ซีดีเฟื่องฟู เขาเคยถูกตำรวจบุกค้นบ้านพักที่ จ.นนทบุรี แต่ไม่พบของผิดกฎหมาย
ในช่วงรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 “ฉลอง” เป็นข่าวอีกครั้ง หลังแสดงอาการไม่พอใจ เรื่องของบริจาคช่วยเหลือประชาชนในเขตพื้นที่ของตน ที่คุมโดยกลุ่มเสื้อแดง นปช. ว่าได้รับแจกไม่ทั่วถึง
“ฉลอง” พูดถึงการเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า ได้เห็นศักยภาพในการทำงานของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” และพรรคภูมิใจไทย ในการแก้ปัญหาโควิด-19 และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ จุดยืนของพรรคในการดำรงไว้ซึ่งมาตรา 112 ถือว่าเป็นเจตนารมณ์ที่ตรงกัน จึงตัดสินใจได้นำครอบครัวเรี่ยวแรง มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย
ก็ต้องติดตามกันว่า เลือกตั้งครั้งนี้ “ตระกูลเรี่ยวแรง” จะร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ปักธงที่ จ.นนทบุรี สำเร็จหรือไม่