ศาล ปค.ออกประกาศกำหนดระยะเวลาพิจารณาใหม่ 1 คดี ต้องมีการพิพากษาชี้ขาดภายในระยเวลา 2 ปี 6 เดือน อย่างช้าไม่เกิน 3 ปี 9 เดือน “วรพจน์” เชื่อจะทำให้ ปชช.ได้รับความยุติธรรมไม่ล่าช้า และไม่เกิดผลกระทบต่อความเป็นอิสระในการอำนวยความยุติธรรมของศาล
วันนี้ (23 ม.ค.) นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ลงนามออกประกาศศาลปกครอง เรื่อง กำหนดระยะเวลาดำเนินงานคดีในศาลปกครอง พ.ศ. 2566 เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมไม่ล่าช้า และไม่เกิดผลกระทบต่อความเป็นอิสระในการอำนวยความยุติธรรมหรือการดำเนินงานโดยสุจริตของบุคคลไม่ว่าทางใด โดยประกาศดังกล่าวกำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ตุลาการเจ้าของสำนวนคดี และองค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนคดี ในศาลปกครองชั้นต้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีในแต่ละคดีให้เสร็จภายในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน แยกเป็น กระบวนการตรวจคำฟ้อง-คำอุทธรณ์ การแสวงหาข้อเท็จจริง จนถึงวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง ต้องใช้เวลาไม่เกิน 20 เดือน ขั้นตอนการทำคำแถลงการณ์ ไม่เกิน 6 เดือน ขั้นตอนการนั่งพิจารณาและการจัดทำคำพิพากษา ไม่เกิน 4 เดือน เว้นแต่ ตุลาการมีคดีอยู่ในความครอบครองเกินกว่า 48 คดี และไม่เกิน 96 คดี ให้เพิ่มระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนออกไปอีก 0.25 เท่า ทุกจำนวน 24 คดี แต่ต้องไม่เกินระยะเวลา 3 ปี 9 เดือน
สำหรับตุลาการเจ้าของสำนวนคดี และองค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนคดีในศาลปกครองสูงสุด ต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีในแต่ละคดีให้เสร็จภายในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน แยกเป็น กระบวนการตรวจคำฟ้อง-คำอุทธรณ์ การแสวงหาข้อเท็จจริง จนถึงวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริง ต้องใช้เวลาไม่เกิน 18 เดือน ขั้นตอนการทำคำแถลงการณ์ ไม่เกิน 6 เดือน ขั้นตอนการนั่งพิจารณาและการจัดทำคำพิพากษา ไม่เกิน 6 เดือน เว้นแต่ ตุลาการมีคดีอยู่ในความครอบครองเกินกว่า 100 คดี และไม่เกิน 200 คดี ให้เพิ่มระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนออกไปอีก 0.25 เท่า ทุกจำนวน 50 คดี แต่ต้องไม่เกินระยะเวลา 3 ปี 9 เดือน
เว้นแต่ในคดีที่มีเหตุพิเศษ ได้แก่ กรณีที่มีเหตุที่จะต้องเรียกคืนสำนวนคดีหรือโอนคดี หรือกรณีที่มีการคัดค้านตุลาการ กรณีที่คู่กรณีขอให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่การไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ หรือสำเร็จบางส่วน หรือกรณีที่มีการพิจารณาคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา หรือกรณีที่มีคำขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล หรือกรณีที่มีการฟ้องแย้ง หรือกรณีที่มีคำร้องสอดหรือศาลเห็นสมควรเรียกบุคคลผู้อาจมีผลกระทบหรือมีส่วนได้เสียเข้ามาในคดี หรือคู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่ความตาย กรณีที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีข้อสังเกตหรือเห็นสมควรให้มีการวินิจฉัยปัญหาใดหรือคดีใด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น หรือกรณีที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล หรือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
และกรณีที่มีเหตุพิเศษอื่นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ เช่น มีภัยธรรมชาติ หรือ มีเหตุจำเป็นอื่นที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณา อันอาจทำให้ไม่สามารถจัดทำคดีให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาได้ ให้กำหนดระยะเวลาตามขั้นตอนนั้นๆ เริ่มนับต่อจากระยะเวลาเดิมเมื่อการดำเนินกระบวนพิจารณาในกรณีนั้นๆ เสร็จสิ้นลงหรือเหตุพิเศษดังกล่าวหมดไป สำหรับคดีที่ยื่นฟ้องก่อนวันที่ 23 มกราคม 2566 หากคดีนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในขั้นตอนใด ให้เริ่มต้นนับระยะเวลาในขั้นตอนนั้นๆ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม เป็นต้นไป เช่นกัน