ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืน “บีพีเอ็นพี” ไม่มีคุณสมบัติเข้าประกวดราคารถไฟความเร็วสูง ช่วงแก่งคอย-กลางดง และ ปางอโศก-บันไดม้า ชี้ ไม่สามารถนำผลงานของบริษัทร่วมค้าที่จดทะเบียนใหม่มาเป็นผลงานของตนเองได้ ให้เพิกถอนคำสั่ง คกก.พิจารณาอุทธรณ์ที่ยกเว้นให้เอกชนเฉพาะเข้าประกวดราคาโครงการดังกล่าว
วันนี้ (10 ม.ค.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนมีคำสั่งดังกล่าว ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก รวมทั้งมีคำสั่งให้การทุเลาการบังคับตามคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนสิ้นผลบังคับนับตั้งแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท .) คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เกี่ยวกับการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธา ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า กรณีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ในประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและหนังสือรับรองผลงานของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (ผู้ร้องสอด) ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2563 โดยอนุมัติยกเว้นให้แก่บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด เป็นการเฉพาะราย ถือเป็นกิจการร่วมค้าที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้เป็นผลงานในการยื่นประกวดราคาได้
โดยคำพิพากษายืนของศาลปกครองสูงสุด ให้เหตุผลว่า การที่บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จึงมีสถานะความเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น ดังนั้น บริษัทดังกล่าว จึงต้องมีผลงานก่อสร้างในนามบริษัท โดยไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้แสดงเป็นผลงานก่อสร้างของบริษัทได้ และเมื่อมีการยื่นข้อเสนอราคาโดยใช้ผลงานก่อสร้างของบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด (ผู้ถือหุ้น) โดยไม่ได้ยื่นผลงานก่อสร้างที่ทำในนามบริษัท จึงไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ แม้ บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ประสงค์จะเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ แต่เมื่อบริษัทมีบุคคลธรรมดาเป็นผู้ถือหุ้นจึงต้องถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้า เมื่อประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ กำหนดให้สมาชิกของกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ทุกรายต้องเป็นนิติบุคคล และต้องมีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง การที่บริษัทดังกล่าวมีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและไม่ได้มีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง จึงไม่มีคุณสมบัติในการยื่นข้อเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่
ดังนั้น การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน วินิจฉัยอุทธรณ์โดยอนุมัติยกเว้นให้บริษัทดังกล่าวเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้แสดงเป็นผลงานในการยื่นประกวดราคา และให้ รฟท.กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป ตามคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2563 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสามแห่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 อุทธรณ์ของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ, คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน และบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด จึงฟังไม่ขึ้น