เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีการเดินสายตรวจราชการ ตรวจพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด แต่นั่นเป็นการมาตรวจราชการในฐานะนายกรัฐมนตรี ถึงจะถูกมองว่าเป็นการหาเสียงกันแบบเนียนๆ ควบคู่กันไปด้วย เหมือนกับบรรดารัฐมนตรีหลายคนทั้งที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้าพรรค หรือแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ก็ทำในลักษณะเดียวกัน นั่นคือ “หาเสียง” แฝงนั่นแหละ
แน่นอนว่า เมื่อเป็นการแอบแฝง มันก็ทำได้ไม่เต็มที่ รวมไปถึงต้องระวังตัวแจ เพราะหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน ทำให้น่ารำคาญใจ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงราย สิงห์บุรี นครปฐม และในวันที่ 19 มกราคม ไปที่ราชบุรี เพื่อเยี่ยมชมงานด้านศิลปวัฒนธรรมกาดวิถีชุมชน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีวัฒนธรรมชุมชนไท-ยวน ชุมชนคุณธรรม และกาดวิถีชุมชนคูบัว ซึ่งเป็นความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนตามหลัก “บวร” เพื่อใช้เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าและเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชน
จากนั้น เวลา 16.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดงานเทศกาลตรุษจีนจังหวัดราชบุรี ณ บริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา อำเภอเมืองฯ จังหวัดราชบุรี โดยนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับถึง พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 18.30 น. น่าสังเกตก็คือ ตามกำหนดการตามเวลาล้วนในเวลาราชการ เพื่อเลี่ยงถูกร้องทำผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 30 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ มีคิวไปตรวจราชการที่จังหวัดพิจิตร และนครสวรรค์ ตามลำดับ แต่ก็เป็นการไปตรวจราชการในฐานะนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกมองว่าเป็นการหาเสียง แต่ก็มาแบบเนียนๆ เท่านั้น
แต่ที่ต้องจับตาก็คือ การเดินสายลงพื้นที่ จังหวัดชุมพร ในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม นี่ต่างหาก เพราะเป็นการลงพื้นที่ในฐานะพรรคการเมือง หรือนักการเมืองในนามสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นครั้งแรก โดยเป็นการหาเสียงนอกเวลาราชการ ซึ่งก็อาจเรียกว่าเป็นการ “หาเสียงครั้งแรก” ในฐานะนักการเมืองเต็มตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นได้ หลังจากที่เขาได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา
สำหรับคำถามว่า “ทำไมต้องเป็นชุมพร” หากให้ประเมินก็ต้องบอกว่าต้องการ “เน้นพื้นที่ชัวร์” เอาไว้ก่อน เป็นการเริ่มปักธงเพื่อ “สร้างกระแส” และความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง ก็อย่างที่รับรู้กันดีว่าพื้นที่ภาคใต้ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่กระแสของ “บิ๊กตู่” ยังแรง และถือว่ามั่นใจได้ในหลายจังหวัด แม้ว่าก่อนหน้านี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปต่อหรือไม่ แต่ความนิยมในตัวเขาก็ยังถือว่าโดดเด่นมาตลอด ดังนั้น เมื่อมีความชัดเจนแล้วก็ต้องเน้นมาที่ “แฟนคลับ” โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพร ซึ่งถือว่าเป็น “ประตูของภาคใต้”
สำหรับจังหวัดชุมพร ถือว่าเป็นพื้นที่ฐานเสียงใหญ่ของ นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยพื้นที่จังหวัดชุมพร ถือเป็น 1 ในพื้นที่ความหวังที่พรรคต้องการชนะยกจังหวัดทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง เนื่องจาก นายชุมพล มีฐานเสียงที่เข้มแข็งในพื้นที่ จ.ชุมพร และเป็น ส.ส.มาหลายสมัย
ดังนั้น หากมองให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่า การประเดิมลงพื้นที่หาเสียงในฐานะนักการเมืองครั้งแรกที่จังหวัดชุมพร ที่เป็นฐานเสียงหลักที่มั่นใจได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็เหมือนกับการเอาฤกษ์เอาชัย อย่างน้อยก็สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองและบรรดา “ลูกน้อง” ที่เดินตามหลัง รวมไปถึงคนที่ยังรอจังหวะเดินตามมาทีหลัง จะได้ไม่ลังเลหันเหไปทางอื่น
** แน่นอนว่า สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเส้นทางการเมืองข้างหน้า นอกเหนือการ “เน้นกระแส” จากความนิยมของบรรดา “แฟนคลับ” ทั้งหลายแล้ว ในคราวนี้ยังต้องเน้นในเรื่อง “จำนวน ส.ส.” ระดับเกรดเอ เป็นตัวผลักดันสำคัญเข้ามาร่วมด้วย เรียกว่าใช้เป็นแบบสองแรงบวก ถึงจะมีโอกาสเข้าวิน เพราะ “เดิมพัน” ของเขาถือว่ามีสูง และ “มีข้อจำกัด” มากกว่าคนอื่น อย่างน้อยก็มีข้อจำกัดมากกว่า “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เวลานี้กลายเป็น “คู่แข่ง” ในเส้นทางเดียวกันอย่างแน่นอน
เพราะ พล.อ.ประวิตร สามารถ “พลิกขั้ว” ร่วมกันได้ทุกแนว ดังที่ประกาศ “เป็นโซ่ข้อกลาง” หรือ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ให้เห็นท่าทีชัดเจนกันไปแล้ว ความหมายก็คือ เขาสามารถไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย ในเครือข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร แบบหน้าตาเฉยได้อยู่แล้ว และที่ผ่านมา ก็มักมีข่าวคราวในเรื่อง “ดีลลับ” ให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา
แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งสำหรับ “บิ๊กตู่” จะพลิกขั้วแบบนี้ได้หรือไม่ คำตอบทันทีก็คือ อาจจะได้หรือไม่ได้ แต่รับรองว่า “เป็นไปได้ยากแน่นอน” เพราะลักษณะกลายเป็น “คนละขั้ว” ชัดเจน มวลชนหลักๆ ก็คนละกลุ่มยอมรับกันไม่ได้อยู่แล้ว นี่แหละถึงได้บอกว่าว่า ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีเดิมพันสูงกว่า และมี “ข้อจำกัดสูงกว่า” ในทางการเมือง
แม้ว่าบรรยากาศทางการเมือง โดยเฉพาะในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “กระแส” น่าจะเจือจางลงกว่าเดิม นั่นคือ กระแสของพรรคเพื่อไทย กับกระแสของ “ลุงตู่” อาจลดลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับบรรยากาศการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่มันก็ยังคงอยู่ ซึ่งในที่สุดมันก็อาจพัฒนาเพิ่มขึ้น หรือดิ่งลงกว่าเดิมก็เป็นไปได้เหมือนกัน
หากมองถึงแนวโน้มทางการเมืองอย่างที่เห็น และหากโฟกัสไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นเขาในฐานะนักการเมือง ใส่เสื้อรวมไทยสร้างชาติ เดินสายหาเสียงและที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ก็คือ ในพื้นที่จังหวัดชุมพรที่จะประเดิมในวันเสาร์ที่ 28 มกราคมนี้ ว่า จะยิ่งใหญ่ตามคาดได้หรือไม่ เหมือนกับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะเป็นกลยุทธ์ต่อเนื่อง เน้นพื้นที่เป้าหมาย แบบเน้นๆ ให้ชัวร์เอาไว้ก่อน
อย่างน้อยก็ต้องการสร้างภาพให้อีกหลายคนที่กำลังจับตามองว่าจะ “ไหลตาม” มาอีกชุดใหญ่หรือไม่ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ และปลายเดือนเดียวกันหลังจบสมัยประชุมครั้งสุดท้ายของสภาชุดนี้ เพราะถ้าดูโหรงเหรง งานกร่อยมัน ก็ทางใครทางมันแล้วกันแน่นอน !!