ปรับเกณฑ์ใหม่ แจกเงินคนชรานับแสนราย กลุ่มชื่อตกหล่น อดได้เงินพิเศษสู้โควิด หัวละพันห้า ตามนโยบายรัฐบาล หลังพบถูกระงับจ่ายมากกว่า 20 ล้าน แจ้ง อปท.ขยายเวลาเก็บรักษาเงินงบกลางปี 64 รอจ่ายผู้สูงอายุ ได้จนถึง 28 ก.พ.นี้ แถมหากตรวจสอบพบภายหลัง มี “ผู้สูงอายุ” ไม่มีสิทธิ ให้แจ้ง “กรมกิจการผู้สูงอายุ” เรียกคืนเงิน
วันนี้ (13 ม.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) มีหนังสือเวียนแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หรือเทศบาล ทั่วประเทศ
เพื่อรับทราบการปรับหลักเกณฑ์และวิธิปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ สำหรับผู้สูงอายุที่มีสิทธิ แต่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ ตามข้อพิจารณาของกระทรวงการคลัง
รวมถึง ขยายเวลาเก็บรักษาเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2564 เพื่อรอจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุ ได้จนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2566
ภายหลัง กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พบว่า ผู้สูงอายุที่มีสิทธิ แต่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษ
ตามช่วงอายุในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หัวละ 100-250 บาท ตามนโยบายรัฐบาล ระยะ 6 เดือน ตั้งแต่ เม.ย.- ก.ย. 2565
เนื่องจาก กรมบัญชีกลาง โอนไม่สำเร็จ (reject) และถูกระงับการจ่ายเงิน ช่วยเหลือพิเศษ รวมถึงกรณีถูกระงับการจ่าย ทำให้มีผู้สูงอายุ อีกหลายรายยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษ
“มีผู้ตกหล่นถึง 107,742 คน รวมเป็นเงิน 21,807,740 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ที่จัดสรรงบกลาง เยียวยาความเดือดร้อน กรณีการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ รวม 10,946,646 คน เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ วงเงิน 8,382,201,000 บาท”
ที่ผ่านมา กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ดำเนินการจ่ายเงิน “ตรง” เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารให้แก่ผู้สูงอายุ และผ่าน อปท. แต่พบว่า บางรายยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ
สำหรับหลักเกณฑ์ใหม่ กระทรวงการคลัง ได้กำหนดหลักเกณท์และวิธีปฏิบัติ เช่น
ให้ อปท.ทั่วประเทศ ตรวจสอบข้อมูลผู้สูงอายุที่มีสิทธิ แต่ชื่อตกหล่นจากกรณีข้างต้น รวมถึงขอข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ ผ่าน พมจ.ก่อนส่งให้กรมกิจการผู้สูงอายุ เพื่อพิจารณาโอนเงินให้ผู้มีสิทธิใหม่
นอกจากนั้น ยังมีกรณีที่หากตรวจสอบพบในภายหลัง ว่า ผู้สูงอายุรายใด ไม่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษ ให้แจ้งข้อมูลให้ พมจ. ทราบ เพื่อให้ พมจ. แจ้งกรมกิจการผู้สูงอายุ เรียกคืนเงิน เป็นต้น
ที่ผ่านมา กรมกิจการผู้สูงอายุ มีหนังสือผ่าน สถ. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทั่วประเทศให้เร่งคืนเงินช่วยเหลือดังกล่าว กรณี กรมบัญชีกลาง ได้ดำเนินการโอนเงินให้ อปท.นำใปจ่ายให้กับผู้สูงอายุเสร็จสิ้นถึงงวดสุดท้าย (เดือนกันยายน 2565) แล้ว
“ซึ่ง อปท.หลายแห่ง ได้มีการคืนเงิน ที่ไม่สามารถจ่ายให้กับผู้มีสิทธิได้ มาจำนวนมาก กรมกิจการผู้สูงอายุ จึงขอความร่วมมือ สถ.แจ้ง อปท. เร่งดำเนินการคืนเงินดังกล่าว คืนเป็นรายได้แผ่นดิน”
ยังมีหนังสืออีกฉบับ ถึง สถ. ระบุว่า เนื่องจากมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุดังกล่าวได้
และได้มีหนังสือ ขอประสาน อปท. ให้ตรวจสอบข้อมูลผู้สูงอายุ 2 กลุ่ม ดังกล่าวมายังสำนักงาน พม.จังหวัด อีกครั้ง
ต่อมา กรมกิจการผู้สูงอายุ แจ้งว่า กรณีโอนเงินไม่สำเร็จ (Reject) และรายการที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเลขที่บัญชีไม่ถูกต้อง/บัญชีปิด/บัญชีถูกอายัด/บัญชีติดเงื่อนไข/เลขบัตรประจำตัวประชาชนผู้มีสิทธิหรือผู้มีสิทธิรับเงินแทน ไม่ถูกต้อง เป็นต้น จำนวน 14,343 ราย เป็นเงิน 3,831,900 บาท
และกรณีถูกระงับการจ่าย เนื่องจากผู้มีสิทธิเสียชีวิต/ข้อมูลวันเดือนปีเกิดไม่ตรงกับกรมการปกครอง/เป็นผู้ประสงค์บริจาคเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ/ผู้สูงอายุย้ายภูมิลำเนา เป็นต้น จำนวน 95,399 ราย เป็นเงิน 17,975,850 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 109,742 ราย เป็นเงิน 21,807,750 บาท