ป.ป.ช. แจงผลคดี “วสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์” อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ ร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ 56 ล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ ป.ป.ช. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยเกี่ยวกับผลคดีตามคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ซึ่งก่อนหน้านี้ มีคำพิพากษากรณี นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ ศาลสั่งให้ยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า 56,327,661 บาท ตกเป็นของแผ่นดินนั้น สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนแล้ว มีมติว่า ร่ำรวยผิดปกติ แล้วให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 56,327,661 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พท 3/2564 คดีหมายเลขแดงที่ พท 2/2565 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน โดยศาลพิพากษาให้เงินในบัญชีเงินฝากชื่อบัญชีของนายวสวัตติ์ รวมมูลค่า 56,327,661 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วย 1. เงินฝากในบัญชีธนาคารออมสิน สาขาเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า จำนวน 1,600,000 บาท 2. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จำนวน 10,880,000 บาท 3. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศาลายา จำนวน 9,240,970 บาท 4. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศาลายา จำนวน 2,000,000 บาท 5. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสงขลา จำนวน 2,700,000 บาท 6. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขากระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 11,923,208 บาท 7. เงินที่ได้รับจากพระ จำนวน 5,700,000 บาท
8. เงินที่นำไปชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ ยี่ห้อ ISUZU คันหมายเลขทะเบียน 1 ฒห 4454 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 613,483 บาท 9. เงินที่นำไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 11062 พร้อมบ้านพัก หมู่ที่ 2 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพิ่มเติมจำนวน 573,000 บาท 10. เงินที่นำไปชำระหนี้เงินกู้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 1,000,000 บาท และทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่อยู่ในชื่อของบุคคลอื่น ที่ผู้ถูกกล่าวหามอบหมายให้ครอบครองแทน ได้แก่ (1) เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีเพชรเกษม จำนวน 2,100,000 บาท (2) เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 7,997,000 บาท พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้น
หากไม่สามารถโอนทรัพย์สินได้ ให้ผู้ถูกกล่าวหาชดใช้เงิน 56,327,661 บาท ตามสัดส่วนของมูลค่าที่ขาดอยู่แก่แผ่นดินจนครบ ทั้งนี้ หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ให้บังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี นับแต่ที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน