วันนี้ (11 ม.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับขบวนการทุนจีนสีเทา มอบให้ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล เพื่อใช้ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 โดยระบุมั่นใจ นายรังสิมันต์ มีความกล้าหาญ และมีความเหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้ในสภา
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ข้อมูลนี้ใหญ่เกินกว่าที่ตนเอง ในฐานะประชาชนจะพูดได้ จึงต้องให้ ส.ส. ช่วยอภิปรายในสภา เพราะยิ่งเรื่องนี้ดัง เป็นที่รับรู้ ย่อมเป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่มีอะไรมาปิดปากประชาชนได้
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า หลักฐานที่นำมามอบให้วันนี้ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมวลชนมาก่อน และมั่นใจว่า จะสามารถล้มรัฐบาลได้ทั้งกระดาน เพราะเกี่ยวข้องกับการเพิกเฉย
นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยว่า หลังพบนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อคืนนี้ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. ได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง ซึ่งตนยอมรับว่า ผบ.ตร. คนนี้เป็นคนดี ไม่มีเล็ก ไม่มีน้อย ไม่มีใต้ดิน แต่การเป็นคนดี กับคนเก่ง เป็นคนละส่วนกัน ดังนั้น การเป็นผู้นำองค์กร ต้องกล้าที่จะพูด
นายชูวิทย์ ย้ำว่า ข้อมูลที่มี หากเปรียบเทียบกับการสอบ คือ ได้ B แต่ถ้าจะให้สอบได้ A หรือได้เต็ม คือ ทุกองคาพยพต้องร่วมมือกับตนเอง รวมถึงหากให้อำนาจกับตนเองเป็นเต็มที่ เชื่อได้ว่า จะสอบได้เต็มอย่างแน่นอน
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาหนีการอภิปรายหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ แต่ทุกวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นนักการเมืองแล้ว ก็แล้วแต่จะพิจารณาถึงความพร้อม แต่เชื่อว่า ข้อมูลที่ส่งให้นายรังสิมันต์ นี้ ต้องผ่านการตรวจสอบ ไม่ได้ตัองเชื่อตัวเองทั้งหมด
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวขอบคุณนายชูวิทย์ ที่นำข้อมูลมาให้พรรคก้าวไกล เพราะถือเป็นคนที่เปิดโปงกระบวนการทุนจีนสีเทา และพรรคได้ตั้งทีมศึกษา หาข้อมูล ข้อเท็จจริงจากเรื่องนี้ ยืนยันจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการนำเรื่องนี้มาพูดในสภา และเท่าที่ดูจากกล่อง ข้อมูลนั้นมีมากอย่างแน่นอน หากได้ข้อมูลที่ครบถ้วนหนักแน่น ก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาอย่างเต็มที่ ยอมรับการทำหน้าที่แค่ในสภา ไม่มีทางรู้เนื้อหาสาระการทุจริตมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบ จึงมั่นใจในข้อมูลของ นายชูวิทย์ และคิดว่า หลักฐานต่างๆ มีมากเพียงพอที่จะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี
นายรังสิมันต์ ไม่กังวลว่า จะถูกดำเนินคดีในการอภิปรายเรื่องนี้ เพราะบางเรื่องมีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่พยายามจะอภิปรายให้เกิดความเสียหายกับบุคคลที่ 3 น้อยที่สุด แต่หากท้ายที่สุดจะมีการฟ้องร้อง ก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภา และ รองประธานสภา เข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลคิดดีๆ เพราะหากเลือกยุบสภาก่อน แสดงว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นความจริงใช่หรือไม่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันจับตา และมั่นใจว่า ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลที่จะอภิปรายเรื่องนี้ เชื่อว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคได้เตรียมข้อมูลอภิปรายเรื่องนี้เช่นเดียวกัน