ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ประธานรัฐสภา รับเลือกตั้งครั้งหน้าซื้อเสียงหนักกว่าเดิม กรีด “รัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกง” ไม่ได้ แนวโน้มทุจริตยังมากขึ้น ปลุกไม่ขายเสียง ชี้ พรรคการเมืองเฮโลรุมทึ้งปักษ์ใต้ เหตุชาวบ้านรายได้ลด แจกเงินเริ่มได้ผล
วันนี้ (1 ม.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา กล่าวถึงระบบธนกิจการเมือง หรือธุรกิจการเมือง ว่า ขอยืมคำพูดเพื่อน ส.ส.มาพูดว่า การเลือกตั้งเที่ยวหน้าที่จะถึงนี้ น่าใช้เงินซื้อหนักกว่าเดิมในการใช้เงิน คำขวัญวันเด็กในปี 2566 ตนจึงใช้คำว่า ประเทศรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต ขณะเดียวกัน สภาก็ทำโครงการบ้านเมืองสุจริตให้มีความต่อเนื่อง หากเราดูที่ผ่านมาคนที่ไปทำโพลถามชาวบ้าน เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะมาเป็นอันดับ 1 แต่ปัจจุบันอยากให้แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันก่อนแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้เห็นว่า ประชาชนมองว่าปัญหาทุจริตเกี่ยวกับผลประโยชน์กระจายอยู่ทั่วไปจนลุกลามน่าอันตราย สิ่งเหล่านี้ถ้าการเมืองมาโดยสุจริต ปัญหาก็จะไม่ค่อยเกิด
นายชวน กล่าวต่อว่า ถ้า ส.ส.ใช้เงิน ส.ส.เอาเงินมาจากไหน ในที่สุดเมื่อมีการใช้เงิน ก็ต้องมีผู้ให้เงิน แล้วใครที่จะรวยพอจะเอารายได้มาให้เงิน ดังนั้น ต้องช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันย้ำให้ประชาชนเห็นว่า อยากได้รัฐบาลดีต้องได้ผู้แทนฯที่ดี อยากได้รัฐบาลซื่อสัตย์ ก็ต้องได้ผู้แทนฯที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ซื้อเสียง ไม่โกง เพราะในระบบนี้ฝ่ายนิติบัญญัติคือผู้ที่ตั้งรัฐบาลด้วยเสียงข้างมาก ถ้าเราเลือกประเภทโกงเข้ามาก็ได้รัฐบาลโกง อนาคตจะส่งผลต่อประเทศชาติ และส่วนรวม
เมื่อถามถึงมาตรการป้องกันระบบธุรกิจการเมือง โดยเฉพาะอยากฝากอะไรถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า คงต้องไปถามทาง กกต. แต่ยอมรับว่าการติดตามไปไม่ถึงคนใช้เงินในธุรกิจการเมืองเป็นไปได้ยาก คนทำผิดก็มีพฤติการณ์ที่หลบเลี่ยง
“ภาพรวมมาถึงวันนี้ประชาธิปไตยเราในปี 2566 จะครบรอบ 90 ปี นับตั้งแต่มีระบบรัฐสภา มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา ผมอยากสรุปภาพรวมว่าการเมืองเราเปลี่ยนแปลงในทางที่ประชาธิปไตยเรามีความเข้มแข็งขึ้น ประชาชนเชื่อมั่น หวงแหนประชาธิปไตยมากขึ้น แต่สิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาคือการเมืองไม่สุจริต ธุรกิจการเมืองกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงบางเรื่องประชาชนต้องมีส่วนร่วมสำคัญในการแก้ไข รัฐธรรมนูญเราใช้มา 20 ฉบับ ฉบับที่ 20 (ปี 2560) ก็เป็นฉบับหนึ่ง คำปรารภเขียนไว้ว่าไม่ต้องการให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ พูดง่ายๆ ว่า เป็นฉบับปราบโกง แต่เราใช้มาตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ทุกคนต้องยอมรับว่าในทางปฏิบัติยังปราบไม่ได้ แนวโน้มโกงก็ยังมากขึ้น ดังนั้น กฎหมายที่ดี กับคนที่ดีต้องไปด้วยกัน กฎหมายดี คนใช้ไม่ดีก็มีปัญหา เพราะคนใช้ไม่เคารพกฎหมาย เราได้บทเรียนจากประสบการณ์ 90 ปีชัดเจน เราจะมองกฎหมายดีอย่างเดียวไม่พอ เราต้องรณรงค์คนดีด้วย” นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่า หากเงินซื้อเสียงมาถึงหน้าบ้าน ประชาชนควรปฏิบัติตัวอย่างไร ระหว่างปฏิเสธตั้งแต่ต้น กับรับเงินไว้ก่อนแต่ไม่เลือกพรรคการเมืองและผุ้สมัครคนนั้นๆ นายชวน กล่าวว่า “ขอตอบว่า ไม่รับเงิน เพราะเงินไม่ว่ากี่ร้อยไม่ได้ทำให้ชีวิตรุ่งเรือง ครั้งเดียวไม่ทำให้ใครที่ได้รับเงินเลือกตั้งกลายเป็นเศรษฐีร่ำรวย ยกเว้นหัวคะแนนที่ได้ประโยชน์ ตรงกันข้ามจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ติดอยู่ใจว่าเราไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ทำไมพรรคการเมืองถึงไปแย่งภาคใต้ คะแนนนิดเดียว ก็เพราะว่าเดิมภาคใต้ใช้ระบบ ไม่ใช้เงิน ยุคพวกผมไม่มี แต่ตอนหลังเงินเข้าไป แล้วฐานะของคนภาคใต้ก็เปลี่ยนไป เศรษฐกิจมีปัญหา รายได้ลด ผมเคยทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนเลือกตั้งปี 62 ว่า รายได้คนภาคใต้ลดลงอย่างน่าตกใจ เช่น จ.ระนอง จ.ตรัง ตอนเลือกตั้งคราวโน้นรายได้ของคนใต้ลดลงหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน เมื่อรายได้เปลี่ยนแปลงไป ชีวิตคนก็เปลี่ยน นักการเมืองที่ใช้เงินเริ่มได้ผล แต่ได้ผลแบบไปซื้อของถูก เพราะที่อื่นแพง ภาคใต้ไม่เคยใช้เงินสักบาท พอเริ่มซื้อก็ซื้อแบบราคาถูก พรรคการเมืองเลยไปกันเยอะ ที่ซื้อถูกไม่ใช่เพราะค่าตัวเขาน้อย แต่เพราะในอดีตไม่มีการซื้อแต่ที่อื่นมี”
นายชวน กล่าวอีกว่า สมัยที่เป็นหัวหน้าพรรคมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เสียใจจนถึงทุกวันนี้ ผู้สมัครคนหนึ่งชอบวิธีพวกเรามาก พยายามปฏิบัติตามพวกเรา พอวันสุดท้ายของการเลือกตั้งเขาไม่ให้เงิน ผู้สมัครคนนี้ชาวบ้านรักมาก มีสามีเป็นหมอ แต่ว่าชาวบ้านมาขอเงินแค่ 10 บาท เขาถามพวกเรา ซึ่งก็ตอบไปว่าในเมื่อไม่ให้ก็ต้องไม่ให้ 5 บาท 10 บาท 100 บาท ก็ไม่ให้ สุดท้ายแพ้เลือกตั้ง แล้วชีวิตครอบครัวก็มีปัญหา ลงท้ายด้วยการฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากครั้งหนึ่งในชีวิตการเมืองที่เราแนะนำไม่ให้เขาซื้อเสียง ฉะนั้น ต้องอาศัยคนที่รักบ้านเมือง บ้านเมืองจะไม่มีวันไปดีถ้านักการเมืองทุจริตโกงกิน เขาไม่ตั้งข้าราชการดีแน่นอน เพราะนักการเมืองโกงก็ต้องตั้งข้าราชการโกง