ไม่มาถือว่า “โกหก”! จับผิด “ทักษิณ” บอกจะกลับพ.ศ.นี้ “อัษฎางค์” ถามเมื่อไหร่จะหมดปีแล้ว “เพจดัง” เย้ย ท่านจะมาเคาท์ดาวน์แน่นอน “ปลัด มท.” ด่าลูกน้อง ลามใหญ่ เจอรอบด้าน “ทนายสงกรานต์” แจ้งความดำเนินคดี
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(31 ธ.ค.65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพข่าว “ทักษิณ” ประกาศกลับไทย พ.ศ.นี้ พร้อมข้อความระบุว่า
“ท่านจะมาเคาท์ดาวน์แน่นอน”
ทั้งยังแชร์โพสต์ของ Thailand Vision ระบุว่า
“31 ธ.ค.2565 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ว่า
"วันนี้วันสิ้นปีแล้วครับท่าน ความลับว่าจะกลับไทยภายในเมื่อไหร่ภายในปีนี้จะเฉลยเมื่อไหร่ ท่านจะมาถึงไทยก่อนเที่ยงคืนวันนี้มั้ย เลยเที่ยวคืนนี้ไป ก็จะกลายเป็นว่า ท่านพูดโกหกคำโตอีกเรื่องแล้วนะครับท่าน
แล้วเมื่อไหร่สาวกของท่านจะตาสว่างเสียที ว่าท่านโกหกเก่ง โกหกมาเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ครับท่าน”
โดยเมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2565 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเสวนาในรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ตอน “ไทยแลนด์แสนวิกฤต” โควิดยังไม่ซา เอาอีกแล้วหว่า รัสเซีย-ยูเครน วิเคราะห์สถานการณ์ต่างประเทศ และผลกระทบต่อไทย ในช่วงท้ายของการเสวนา นายทักษิณ ถามนายสุธรรม ต่อว่า ลองทำนายว่า หากยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ใครจะเป็นหัวหน้าพลังประชารัฐ ซึ่งนายสุธรรม ตอบว่า ยังมีอยู่หรือ การเมืองตอนนี้ดูวันต่อวัน มีปัญหาก็ดูไปแก้ไป ซื้อไป ซื้อซ้ำยังมี น่าเศร้ามาก ทั้งนี้คุณสุธรรม กล่าวต่อว่า พลเอกประยุทธ์ มาเพื่อทำให้การเมืองเละ เขามาทำให้คนไทยจน แต่พวกเขารวย ทำให้นายทักษิณ กล่าวว่า ฟังแบบนี้ก็แล้วสงสารคนไทยจัง
นายสุธรรมกล่าวต่อว่า ก็หวังแต่จะรอให้คุณโทนี่กลับมานิแหละครับ เมื่อไหร่จะกลับมาสักทีครับผม
นายทักษิณ ตอบว่า “พ.ศ.นี้แน่นอน”
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.bangkokbiznews.com/politics/980859
- https://www.thaipost.net/politics-news/294555/
- https://www.thaich8.com/news_detail/105913
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“ไม่พอใจการทำงานของลูกน้อง ก็ไม่ควรตำหนิลูกน้องต่อหน้าคนอื่น และไม่มีความจำเป็นต้องใช้คำหยาบ และไม่ควรดูถูกคนอื่นปานประหนึ่งว่า ลูกน้องไม่มีศักดิ์ศรี
นอกจากคุณจะดูถูกลูกน้องแล้ว คุณยังดูถูกสถานศึกษาด้วย แบบนี้เท่ากับคุณกำลังทำตัวเป็นศัตรูกับศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของสถานศึกษานั้นๆด้วย
คุณออกมาขอโทษ ทำให้ดูเหมือนคุณรู้สึกผิด แต่หากดูรายละเอียด คุณไม่ได้ขอโทษเฉยๆ คุณออกมาแก้ตัวเหมือนจะบอกว่าคุณไม่ได้ผิดอะไรมากมาย เพราะคุณเป็นคนเช่นนี้ ขอให้ทุกคนเตรียมใจยอมรับความหยาบคายของคุณ
คุณบอกว่าคุณไม่พอใจที่งานไม่คืบหน้าเลยตำหนิการทำงานของลูกน้อง แล้วจำเป็นต้องตำหนิอย่างหยาบคายด้วยหรือ จะโมโหแค่ไหนเป็นผู้นำต้อง EQ (วุฒิภาวะทางอารมณ์) สูง
คุณบอกว่าคุณมี style ลูกทุ่ง พูดแบบนี้คุณกำลังบอกว่าคนลูกทุ่งเขาหยาบคายกระนั้นหรือ คุณบอกว่าคุณเป็นนักเรียนโรงเรียนวัด คุณหมายความว่านักเรียนวัดเขาหยาบคายกระนั้นหรือ
เคยรู้ไหมว่าเวลาชมคน เขาให้ชมในที่สาธารณะ แต่เวลาตำหนิคน เขาให้เรียกมาคุยส่วนตัวในที่รโหฐาน และตำหนิแบบสอน คือติเพื่อก่อ ไม่ใช่ด่าด้วยถ้อยคำที่ต่ำตม
แล้วที่คุณอวดอ้างจะทำจดหมายถึงกรรมการคัดเลือกเมืองที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo นั้นคุณกำลังทำลายโอกาสของประเทศไทยนะ มันเป็นเรื่องที่คนไทยไม่ควรทำ
ชาวภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องเขาทำงานกันมาหนักแค่ไหนกว่าจะได้เข้าเป็นหนึ่งใน 5 เมืองสุดท้ายที่ได้เข้ารอบ คุณพูดแบบนี้ หากกรรมการเขาเอาคำพูดคุณเป็นสาระ ประเทศไทยก็หมดโอกาส
การทำงานมามากกว่า 30 ปีจนได้ตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงาน แต่กลับเป็นคน EQ ต่ำ ใช้อารมณ์ฉุนเฉียวในการเรียกร้องให้ลูกน้องทำงานแบบนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ ลูกน้องคงไม่มีแรงบันดาลใจทำงาน
ที่ออกมาเขียนยืดยาวว่า ขอโทษ แต่แฝงคำแก้ตัวไว้เช่นนี้ คนที่เขาตำหนิคุณ เขาก็ยังคงตำหนิคุณต่อไป และมองว่าคุณไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งของคุณแล้ว ไม่ลองพิจารณาดูหน่อยเหรอคะ"
“อย่ากล่าวหาเหมารวมว่าคนลูกทุ่งหรือคนที่เรียกขานกันว่า “คนบ้านนอก” เป็นคนหยาบคาย พูดแบบนี้มันเป็นการกล่าวหาคนต่างจังหวัด คนในชนบทหยาบคาย
อย่ากล่าวหาเหมารวมว่าเด็กวัดเป็นคนที่พูดจาหยาบคาย มีผู้บริหารหลากหลายภาคส่วนที่เป็นเด็กวัดมาก่อน แต่พวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่พูดจาหยาบคายนะ
คุณบอกว่าคุณก็เป็นของคุณอย่างนี้ เมียเคยเตือน แต่คุณก็ไม่เปลี่ยน และคุณยังบอกให้คนอื่นอีกด้วยว่าคุณก็เป็นของคุณแบบนี้ แปลกเนาะ แทนที่จะปรับปรุงแก้ไขตัวเอง กลับมาบอกให้คนยอมรับนิสัยแย่ๆของตน
เรียนมาก็สูง ตำแหน่งหน้าที่การงานก็สูง แต่ EQ ต่ำ มารยาทแย่แบบนี้ หาหนังสือเรื่อง EQ มาอ่านสักหน่อยก็ดีนะ หรือจะให้ดีจัดสัมมนาเรื่อง EQ เชิญวิทยากรมาบรรยาย แล้วนั่งฟังจากต้นจนจบก็ดีนะ”
ก่อนหน้านี้ “ปู” จิตกร บุษบา พิธีกรและคอลัมนิสต์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“ถึง...นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่ข้าพเจ้า เป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยสยาม ขอเรียนให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยของเรา มีความตั้งใจที่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ให้แก่ลูกศิษย์อย่างเต็มกำลัง ครูบาอาจารย์ถูกประเมินความรู้ความสามารถ และผลักดันให้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
การเติบโตทางราชการจนถึงขั้นเป็นปลัดกระทรวง ควรมีทัศนคติ ที่มีสติ และเคารพในสถาบันการศึกษาต่างๆ ให้มากกว่านี้
ทุกสถาบันการศึกษา อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงอีกชั้นหนึ่ง
อย่างน้อย ข่าวคราวการทุจริตและวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่งของกระทรวงศึกษาธิการ กับกระทรวง อว. ปรากฏน้อยกว่ากระทรวงมหาดไทยที่ท่านเป็นปลัดอยู่มากครับ
เกียรติของมนุษย์ เริ่มต้นที่การให้เกียรติผู้อื่น
มีสติ และรักษาไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์บ้างนะครับ
บุคคลที่ท่านกล่าวถึง เรียนจบจากมหาวิทยาลัยสยามของเรา ยังมีความอุตสาหะพัฒนาตัวเอง ต่อเติมความรู้ จนจบปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีก ปลัดกระทรวงที่ดี ควรส่งเสริมคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนเช่นนี้ อะไรที่ผิดพลาดไป ในฐานะ "ผู้ใหญ่" เราก็ควรช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยเมตตาจิต มิใช่ความคิดหยามเหยียดด้อยค่า
มีวุฒิภาวะให้สมกับตำแหน่งปลัดกระทรวงโดยด่วนเถิดครับ
จิตกร บุษบา อาจารย์พิเศษ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม”
ส่วน ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ในฐานะศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์และนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสยาม เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สมมาตย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ป่าตอง ที่ สภ.ป่าตอง อำเภอ กะทู้ จังหวัดภูเก็ต
โดยให้พิจารณาดำเนินคดีอาญากับปลัดกระทรวงมหาดไทย ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือแค่บางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
กล่าวคือ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลากลางวัน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กล่าวในที่ประชุมในระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย แล้วกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา ดังปรากฏตามคลิป ซึ่ง การกระทำดังกล่าวเห็นว่าเป็นข้อความที่ลดคุณค่าของมหาวิทยาลัยสยามให้ลดน้อยลง อันเป็นการบิดเบือนโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า ผู้ใดจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสยามนั้น ไม่มีคุณค่าหรือไม่มีคุณภาพ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นหรือการยอมรับจากบุคคล หรือนิติบุคคลหรือหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน อันเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายต่อส่วนตัวและมหาวิทยาลัยสยาม
เหตุเกิดที่กรุงเทพมหานคร, ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต และทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ทั่วราชอาณาจักร
ทนายสงกานต์ กล่าวว่า การเข้าแจ้งความในฐานะเป็นกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมในฐานะศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์และนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสยาม ได้ยินได้ฟังถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย คือ การด้อยค่าผู้ใต้บังคับบัญชาถือว่าเจ็บปวด ดังคำที่ว่าสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล
ขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งกรรมการสอบวินัย จะปล่อยให้ผู้บริหารระดับสูงทำกับลูกน้องอย่างนี้ได้อย่างไร
ในการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารระดับสูงมหาดไทยทุกจังหวัด ถือเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และที่เกี่ยวข้องกับตน คือ ไปด้อยค่ามหาวิทยาลัยสยาม ในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่าฯ ยอมไม่ได้ น้องๆที่มหาวิทยาลัยสยามบางคนร้องไห้เสียใจที่คุณลุงพูดอย่างนี้จะไปสมัครงานเขาจะรู้สึกอย่างไรนักศึกษามีเป็นพันเป็นหลายหมื่นคนรู้สึกอย่างไร พูดอย่างนี้เป็นเรื่องร้ายแรง แม้กระทั่งควายไปดูถูกได้อย่างไร ควายมีบุญคุณต่อคนลากเกวียนให้คนมีข้าวกินท่านดูถูกแบบนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกรัฐมนตรี จะปล่อยให้ดูแลทำหน้าที่ปลัดหรือ เป็นคำถาม
นอกจากนี้ สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังออกแถลงการณ์เรื่อง พิจารณาความเหมาะสมของท่านในการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ อีกครั้ง ระบุว่า
เรียน นายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เนื่องด้วย สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาสัย ได้รับร้องเรียนจากนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคคลภายนอกจำนวนมากว่า ในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยประจำเดือนธันวาคม 2565 ประธานที่ประชุม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ใช้วาจาหยามหมิ่นสติปัญญาและซื่อเสียงของสถานศึกษาของข้าราชการชั้นผู้น้อยภายใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้ กิริยาและวาจาของนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังแสดงให้เห็นถึงความนิยมชมชอบในระบอบอาวุโสและอำนาจนิยม นับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาสงกรณ์มหาวิทยาลัย รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อทัศนคติอันเลือกปฏิบัติและดูถูกเหยียดยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ดังกล่าว การกระทำของนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ยังความเสียหายเหลือประมาณมาสู่บุคคลที่ถูกหยามหมิ่นและสถานศึกษาที่ปลูกฝังจิตสำนึกให้รับใช้ประชาชน
ทั้งนี้ เพื่อให้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังคงเป็นแบบอย่างอันดีงามและเป็นสถานศึกษาที่ผลิตบุคลากรคุณภาพสู่สังคม จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านพิจารณาทบทวนอีกครั้งถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
(กฤตภาส เชษฐเจริญรัตน์)
นายกสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์
แน่นอน, ไม่ว่า ประเด็น “ทักษิณ” บอกจะกลับไทย พ.ศ.นี้ และหรือ กรณีปลัดกระทรวงมหาดไทย ด่า “ลูกน้อง” ด้วยถ้อยคำดูหมิ่นดูแคลน หยาบคาย ทั้งยังบูลลี่ “ด้อยค่า”สถาบันการศึกษา ที่ลูกน้องจบมา ล้วนสะท้อน “คำพูดเป็นนาย”
ผลก็คือ “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” งานเข้าอย่างจัง และถูกจัดหนัก ทั้งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อบรมสั่งสอน และร้องทุกข์แจ้งความเอาผิดตามกฎหมาย พูดได้ว่า ยับเยินจนไม่รู้จะยับเยินอย่างไรแล้ว
แต่อีกคนที่ดูไบ ก็อย่างที่เห็น ยังคงลอยหน้าลอยตา ไม่สนใจ “คำพูดที่เป็นนาย” ตัวเองแม้แต่น้อย และยังไม่รู้เมื่อไหร่ คนไทยบางส่วนจะตาสว่าง หรือรู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก?