xs
xsm
sm
md
lg

“เสียหาย”! “ปวิน” จวกเละ “ปลัด มท.” สะท้อนความเส็งเคร็งระบบราชการ “ดร.เสรี” ซัด เดือดร้อนถึงคนแต่งตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ภาพจากเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun
“ปวิน” ฟาดไม่เลี้ยง “ปลัด มท.” ด่าลูกน้องกลางที่ประชุมว่าโง่ “บูลลี่” สารพัด นี่คือ ความเส็งเคร็งของระบบราชการไทย “ดร.เสรี” ซัด โบราณเขาพูดว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ชาวเน็ต แชร์ต่อคลิป ว่อน“โซเชียล”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(30 ธ.ค.65) เพจเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความระบุว่า

“ปลัดมหาดไทยด่าลูกน้องกลางที่ประชุมว่าโง่ ถามต่อว่าจบจากที่ไหน พอบอกว่ามหาวิทยาลัยสยาม ปลัดหัวเราะกร๊าก เออ นี่คือความเส็งเคร็งของระบบราชการไทย ระบบที่แม่งโคตรไฮรากี้ เพราะปลัดนั่งบนสุด ต่อให้ด่าลูกน้องเหี้eห่ายังไง บูลลี่แบบไหน ดูแคลนการศึกษา ขรก ระดับล่างก็ไม่กล้าตอบโต้ พอถูกสังคมประจาน ก็แก้ตัวว่าตัวเองเป็นคนแบบลูกทุ่ง เออ เอาขี้ไปใส่ “ความเป็นลูกทุ่ง” อีก

มึงไม่ต้องแก้ตัวค่ะ ระบบราชการของกระทรวงมหาดไทยถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ คนนั่งสูงสุดยิ่งต้องระวังคำพูด กิริยามารยาท นี่ไม่นับว่าไอ้ปลัดเหี้eพวกนี้เข้ารับการอบรมผู้บริหารอะไรมานักต่อนัก วปอ เอย อบรมของนิด้าเอย อบรมไปก็เท่านั้น ถ้าสิ่งที่ทำมันคือสันดาน”

ภาพ ดร.เสรี วงษ์มณฑา จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า

“จะไม่พอใจอะไรของการทำงานของลูกน้อง ทำไมไม่เรียกมาพูดคุยส่วนตัว จะมาด่ากันออกสาธารณะแบบไม่ให้เกียรติลูกน้อง อย่างที่ทำนั้นไม่เหมะสม

การยกตนข่มท่านแบบที่ทำอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาควรทำ

การด่าลูกน้องด้วยคำหยาบและเป็นการ bully ลูกน้อง มันส่อนิสัยใจคอของคนพูด อย่างที่โบราณเขาพูดว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" นั่นแหละ...

การออกมาชี้แจงในภายหลังนั้น ยากที่จะเข้าใจและยอมรับได้ ถ้าต้องการให้เข้าใจว่าที่พูดนั้นต้องการกระตุ้นการทำงานของลูกน้อง ทำไมไม่ใช้ท่าทีที่ดีกว่านี้

ทำแบบนี้เดี๋ยวก็จะมีคนออกมาเรียกร้องให้นายกฯ หรือรัฐมนตรีมหาดไทยรับผิดชอบ ในฐานะเป็นผู้ที่แต่งตั้งท่านผู้นี้เข้ามาตามพฤติกรรมที่ทำมาบ่อยๆ

คนเราก่อนพูด เราเป็นนายคำพูด แต่พอพูดแล้ว คำพูดเป็นนายเรา

การสอนงานแบบสุภาพและให้เกียรติลูกน้อง มันทำได้นะคะ”

ภาพ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จากแฟ้ม
ทั้งนี้ ชาวเน็ตมีการแชร์ต่อคลิปการประชุมข้าราชการระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน มีการถ่ายทอดระบบซูมไปยังหลายจังหวัด โดยช่วงหนึ่งได้เปิดให้ข้าราชการรายหนึ่งรายงานเกี่ยวกับพัฒนาสินค้าของราชทัณฑ์ โดยมีรายละเอียดคำต่อคำดังนี้

ข้าราชการชั้นผู้น้อย “การลงพื้นที่เกษตรกรที่ปลูกผักผลไม้ โดยเริ่มหาพื้นที่ เก็บเกี่ยว นำส่ง"

หลังข้าราชการผู้นี้พูดจบ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวขึ้นว่า "อุปสงค์เท่ากับอุปทาน ภาษาเศรษฐศาสตร์เขาคืออะไรรู้ป่ะ มีศัพท์ว่าไงนะ”

ข้าราชการชั้นผู้น้อย "ดีมานด์ ซัพพลายครับท่าน"

ปลัดมหาดไทย หัวเราะ “โธ่เอ้ย จบอะไรมาวะ"

ข้าราชการชั้นผู้น้อย "จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ครับ"

ปลัดมหาดไทย "ทำไมโง่อย่างนั้นวะ คุณรุ่นอะไร"

ข้าราชการชั้นผู้น้อย “รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ประเทศครับ”

ปลัดมหาดไทย "โง่เป็นควายเลยไอ้เ-ยเอ้ย

ปลัดมาดไทย ได้ทีถามต่อ “เข้าปีไร”

ข้าราชการชั้นผู้น้อย “ปริญญาโทครับท่านครับ”

ปลัดมหาดไทย “อ๋อๆๆ กูว่าแล้ว เพราะคนที่เรียนรัฐศาสตร์จุฬาฯ เขาเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว อุปสงค์เท่ากับอุปทานเรียกว่า ตลาดสัมบูรณ์ คุณเอาความต้องการราชทัณฑ์และมาบอกว่าเท่ากับซัพพลายของภาคเกษตร มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ ถ้าใช่ คุณต้องพาสินค้าเกษตรออกนอกทำไมเล่า คุณมีตลาดสัมบูรณ์แล้ว คุณต้องช่วยอะไรเล่า จบปริญญาตรีที่ไหนหล่ะ

ข้าราชการชั้นผู้น้อย “มหาวิทยาลัยสยามครับท่านครับ"

ปลัดมหาดไทย "กูว่าแล้ว แล้วคุณไปเรียนรัฐศาสตร์จุฬา ปริญญาโท ภาคผู้บริหารหรือภาคปกติ"

ข้าราชการชั้นผู้น้อย "โครงการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ"

ปลัดมหาดไทย "แปลว่าไรวะ"

ข้าราชการชั้นผู้น้อย "เป็นหลักสูตรหลังเลิกเรียนครับท่านครับ"

ปลัดมหาดไทย "เฮ้ย! ขจร คุณไปคุยคณบดีนะมึง เอี้ย โธ่ มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้ชอบหาตังค์ เปิดหลักสูตรไรไม่รู้มั่วไปหมด คำถามคือคุณภาพ มาตอบเป็นโจ๊ก เฮ้อ!"(จากไทยโพสต์)

แน่นอน, ประเด็นที่อยู่ที่ว่า “ความเสียหาย” ต่อระบบราชการไทย ที่เกิดขึ้น หลังจาก “คลิปปลัด มท.” ด่าลูกน้องหยาบคาย เยอะเย้ยถากถางดูหมิ่นดูแคลน กลางที่ประชุม

ยิ่งเมื่อบางฝ่ายนำไปขยายผลเป็นเกมการเมือง ชี้ให้เห็นความเล็งเคร็งของระบบราชการไทย ซึ่งพวกเขาจ้องอยู่แล้ว มันก็ยิ่งสะท้อนชัด

ความเสียหายส่วนตัว อาจจะออกมาขอโทษ อ้างโน่นอ้างนี่ได้ ซึ่งจะทำให้สาธารณชนเข้าใจได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความเสียหายต่อส่วนรวมจะแก้ได้อย่างไร หรือ ต้องการสะท้อนให้เห็นว่า “ระบบ” ที่เป็นอยู่ ก็คืออย่างนี้?

คิดทบทวนอีกที ก็ไม่รู้ว่า ใครโง่กันแน่!?


กำลังโหลดความคิดเห็น