xs
xsm
sm
md
lg

“ปชป.” ระส่ำ กก.บห.ลงชื่อไขก๊อกเดินเกมโค่น “จุรินทร์” หวังเปลี่ยนหัวหน้าลุยเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดแผนปฏิบัติการโค่น “จุรินทร์” พ้นหัวหน้า ปชป. พบ กก.บห. ลงชื่อไขก๊อกใกล้ครบกึ่งหนึ่ง ตามข้อบังคับพรรค เปิดทางล้างไพ่ หลังคะแนนนิยม “อู๊ดด้า” ไม่กระเตื้อง เข็นสู้คู่แข่งยาก หวั่นพรรคเหลวซ้ำศึกเลือกตั้งรอบหน้า รับโอกาสสำเร็จยาก เหตุ “ชวน” ยังหนุน หลายคนทำใจเป็นกบฏ หากแผนไม่สำเร็จเตรียมย้ายพรรค

วันนี้ (12 ธ.ค.) รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ ว่า หลังมีความชัดเจนในกติกาการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ หาร 100 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้ เนื่องจากมองว่า ตอบโจทย์ทางการเมืองกับพรรคมากกว่ากติกาบัตรใบเดียว อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า มี ส.ส.และแกนนำพรรคจำนวนหนึ่ง ที่แสดงความไม่เชื่อมั่นในตัว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนปัญหาในการวางตัวผู้สมัครที่ทับซ้อนกันในหลายพื้นที่ จนเกิดภาวะเลือดไหลออก มี ส.ส., อดีต ส.ส.และแกนนำพรรคลาออกจากพรรคไป อีกทั้งการสำรวจคะแนนนิยมของพรรค ทั้งโพลสถาบันการศึกษา และโพลของพรรคเอง สะท้อนว่า คะแนนนิยมของพรรคยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่ผ่านมา แกนนำและสมาชิกพรรคบางส่วนในพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นตรงกันข้ามกับแนวทางของผู้บริหารพรรคในปัจจุบัน มองว่า สิ่งที่ดำเนินการอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พรรคกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีการเมืองได้อีกครั้ง โดยในพื้นที่ภาคใต้ ที่ถือว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญมายาวนาน ก็ถูกหลายพรรคการเมืองเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ และหลายเขตในหลายจังหวัด ก็ยังไม่มีวี่แววว่าพรรคจะทวงคืนได้สำเร็จในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้แม้แต่ตัว นายจุรินทร์ เอง ก็ยังมีคะแนนนิยมน้อยกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตามการสำรวจของนิด้าโพลด้วยซ้ำ จึงมีแนวคิดที่จะเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารพรรคก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่เหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือน

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการล่าชื่อกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้ลาออกจากตำแหน่งให้เกินกึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขในข้อบังคับพรรค กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นทั้งคณะ หากมีกรรมการบริหารว่างลงเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

“ล่าสุด ได้มีกรรมการบริหารพรรคลงชื่อเพื่อลาออกจากตำแหน่งใกล้ครบจำนวนกึ่งหนึ่งแล้ว ขาดอีกเพียง 1-2 คนที่กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจเท่านั้น” แหล่งข่าว ระบุ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เหตุผลสำคัญที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพราะต่างเห็นตรงกันว่า ความนิยมในตัวของ นายจุรินทร์ โดดเด่นสู้กับหัวหน้าพรรคการเมือง หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่นไม่ได้ หาก นายจุรินทร์ ยังคงนำพรรคลงเลือกตั้ง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ กลายเป็นปัจจัยเร่งให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ แม้จะประเมินว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลว เนื่องจากปัจจุบัน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงให้การสนับสนุน นายจุรินทร์ อยู่

“กรรมการบริหารพรรคที่เซ็นใบลาออก มองว่า ถ้าไม่ทำเช่นนี้ ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับพรรค แม้จะรู้ถึงเงื่อนไขและความเสี่ยงที่จะตามมาก็ตาม เพราะถ้าล้มเหลว ไม่สามารถเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคได้ ก็ไม่ต่างจากการเป็นกบฏ และคงถูกตอบโต้กลับอย่างรุนแรง เช่น การไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. จนหลายคนทำใจล่วงหน้า ว่า หากแผนการไม่สำเร็จ อาจต้องย้ายพรรค แต่ทุกคนก็มองว่า ปัญหาความตกต่ำของพรรคตอนนี้ ปัจจัยสำคัญก็อยู่ที่ตัวหัวหน้าพรรค ซึ่งมีส่วนสำคัญในการชี้วัดว่าแต่ละคนจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ หลายคนจึงพร้อมที่จะรับผลที่ตามมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์รายหนึ่ง ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เดิมทีมีทั้งสิ้น 37 คน แต่ได้ลาออกจากกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อช่วงเดือน เม.ย. 65 จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายปริญญ์, นายกนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองหัวหน้าพรรค, น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรค และ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรค ก่อนที่จะมีการเลื่อนกรรมการบริหารพรรคสำรอง 2 คน คือ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ และ นางฮูวัยดียะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง ขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรคแทน น.ส.อรอนงค์ และ นางมัลลิกา

และเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 65 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล กรรมการบริหารพรรค ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากมีปัญหาการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ใน จ.ตรัง จึงพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไปโดยปริยาย

ส่งผลให้ปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์ มีกรรมการบริหารพรรคเหลืออยู่ทั้งสิ้น 34 คน ซึ่งหากต้องการให้กรรมการบริหารพรรคพ้นตำแหน่งทั้งหมด ก็ต้องให้กรรมการบริหารพรรคกึ่งหนึ่ง หรือ 19 คน จากจำนวนเต็ม 37 คนลาออก เมื่อนับในส่วนที่ลาออกไปโดยไม่ได้แต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง 3 คน คือ นายปริญญ์, นายกนก และ นายสมบูรณ์ ก็จะขาดอีกเพียง 16 คนเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น