หัวหน้า ปชป.เห็นด้วยกับ “ชวน” การเมืองไม่แน่นอน ดึงนายกฯแก้ปัญหาองค์ประชุมในสภา เพราะฝ่ายบริหารต้องพึ่งรัฐสภา แนะคนไทยจับตา “ธนกิจการเมือง” ชี้ บางพรรคใช้เงินดูด ส.ส.อันตรายต่อ ปชต.ยันไม่มีปัญหากับ ภท.ปมขัดแย้งกัญชา
วันนี้ (11 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แสดงความเป็นห่วงต่อองค์ประชุมในการประชุมสภา ว่า เป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง เพราะนายชวนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความปรารถนาดีต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งองค์ประชุมสภานั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก ก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นการประชุมเรื่องใด และทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่เข้าร่วมประชุม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนทราบภารกิจดีเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เพราะเราทราบภารกิจเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นสิ่งที่เรากำชับไว้ตั้งแต่วันแรกหลังการเลือกตั้ง
ส่วนข้อแนะนำของนายชวน ที่ให้นายกรัฐมนตรี ไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ว่า จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรนั้น ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯ ส่วนหนึ่งด้วยในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร เพราะนายชวนก็เป็นประธานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งในระบบนี้ต้องทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นหากนายกฯ จะช่วยกำชับด้วยอีกแรงก็จะเป็นเรื่องที่ดี
“พรรคเรารู้หน้าที่ดีอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ก็ต้องถือว่าในระบบรัฐสภาต้องให้ความร่วมมือกับรัฐสภา ในการที่จะทำให้งานทุกอย่างไปได้ด้วยความราบรื่น เพราะกฎหมายของฝ่ายบริหารก็ต้องเสนอผ่านสภา ถ้าสภาไม่เห็นชอบก็ไปต่อไม่ได้ และกฎหมายก็ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของฝ่ายบริหาร ในการที่จะใช้บริหารราชการแผ่นดิน เพราะฉะนั้นฝ่ายบริหารก็ต้องพึ่งรัฐสภา นอกจากพึ่งแล้ว ก็จะต้องกำชับในเรื่องของเสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภาให้เพียงพอด้วยในการที่จะผ่านร่างกฎหมายต่างๆ”
ส่วนกระแสการยุบสภา นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรจากนายกฯ แต่การเมืองไม่แน่นอน เหมือนที่นายชวนพูดไว้ ตนเห็นด้วย 100% เพราะมันไม่มีหลักประกันอะไรว่าอุบัติเหตุมันจะเกิดหรือไม่เกิด หรือมันจะเกิดตอนไหน ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมพร้อม พรรคการเมืองก็ต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใกล้เดินหน้าไปสู่การครบวาระของสภาสมัยนี้ มันอาจจะครบ หรือไม่ครบ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ตนคิดว่าทุกพรรคก็ต้องเตรียมตัว พี่น้องประชาชนก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายจุรินทร์ ยังกล่าวว่า สำหรับตนแล้ว นอกจากเรื่องขององค์ประชุมสภา หรือการประชุมสภาแล้ว ก็มีเรื่องที่น่าห่วงอีกเรื่องที่สังคมจะต้องตระหนักติดตามใกล้ชิด ก็คือ เรื่อง “ธนกิจการเมือง” ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำหรับประเทศ
เพราะทำลายประเทศมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว การประมูลตัว ส.ส. การประมูลตัวผู้สมัคร เพราะสุดท้ายก็เป็นที่มาของการถอนทุน แล้วนำไปสู่การทุจริต คอร์รัปชัน และเป็นเรื่องที่นอกจากทำลายประเทศแล้ว ยังทำลายประชาธิปไตยในที่สุด
“เรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นอีกเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศต้องจับตา และให้ความสำคัญ แล้วต้องไม่เลือกนักการเมืองที่คนอื่นเขามาประมูลตัวได้ ขอฝากไว้และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันตระหนักเป็นพิเศษ”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงเรื่องภัยคุกคามใหญ่ของระบอบประชาธิปไตยประเทศ ณ เวลานี้ และตนเป็นห่วงว่า นอกจากทำลายประเทศระยะยาว ทำให้เกิดการถอนทุน การทุจริต คอร์รัปชันแล้ว ยังทำลายประเทศในภาพรวมระยะยาวต่อไปด้วย และทำลายประชาธิปไตยด้วย เพราะประวัติศาสตร์มันสอนเรา
“ธนกิจการเมืองรุ่งเรืองเมื่อไหร่ ใช้เงินประมูลตัว ส.ส. เมื่อไหร่ ใช้เงินเป็นปัจจัยหลักในการซื้อตัวคนนั้นคนนี้มาลงรับเลือกตั้ง ทุ่มเทเงินมหาศาล สุดท้ายถอนเงินคืน ทุจริตกันบานเบอะ อันนี้คือประวัติศาสตร์มันสอนเราไว้ เราไม่อยากเห็นสิ่งนี้เกิดอีก และอยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้ายืดยาวได้ ไม่เช่นนั้นการคอร์รัปชั่น การถอนทุนคืน จะกลายเป็นเงื่อนไขกล่าวอ้าง แล้วนำไปสู่สิ่งที่เราไม่อยากเห็นเกิดขึ้นอีก” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเหนียวแน่นระหว่างพรรคร่วม โดยเฉพาะประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย ในเรื่องกฎหมายกัญชา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องการทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และการร่วมรัฐบาลนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลก็ทราบภารกิจดีอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ทราบภารกิจดีอยู่แล้ว ตนก็พูดเสมอว่าเรารู้หน้าที่ของเราในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราเคยเป็นมาแล้วหลายยุค ทั้งการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเราก็เคยเป็นมาหลายยุค ดังนั้น การทำงานร่วมกันในฐานะรัฐบาลผสม เราจึงรู้หน้าที่ดี
ส่วนกรณีกัญชาไม่ใช่เรื่องของกฎหมายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องกฎหมายพรรคการเมือง และเป็นนโยบายเฉพาะของบางพรรคการเมือง ซึ่งเราก็ต้องเคารพในนโยบายของเขา แต่จะให้ทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาเคารพนโยบายของพรรคการเมืองเฉพาะพรรค มันจะไปกะเกณฑ์อย่างนั้นไม่ได้เสมอไป เว้นแต่ว่าเป็นนโยบายรัฐบาล เพราะถ้าเป็นนโยบายรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเคารพ และต้องเดินหน้าไปตามนั้น
“เรื่องกัญชา นโยบายรัฐบาลชัดอยู่แล้ว แถลงต่อรัฐสภาผูกพันไปชัดเจนแล้วว่า สนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ และถ้าเป็นเศรษฐกิจ ก็เป็นเศรษฐกิจเพื่อการแพทย์เท่านั้น ไม่มีเรื่องเสรี ไม่มีเรื่องสันทนาการ หรือนันทนาการ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ก็เดินไปตามแนวนี้ อะไรที่นอกเหนือไปจากขอบเขตอันนี้เราก็เป็นสิทธิ์ในการที่เราจะไม่เห็นด้วยได้ เพราะมันไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เป็นแค่นโยบายพรรคการเมือง หรือบางพรรคการเมือง หรือจะเป็น หรือไม่เป็นก็สุดแล้วแต่ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์มีหลัก มีเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินใจอยู่แล้ว ที่ถามว่าแล้วในฐานะพรรคร่วมมีปัญหามั้ย ไม่มี เราแยกออกว่าอันไหนนโยบายรัฐบาล อันไหนไม่ใช่นโยบายรัฐบาล” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่มีสมาชิกพรรคลาออก เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้สมัครของพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ขอตอบ เพราะเคยพูดไปแล้วว่า เรื่องคนเข้า-คนออก มีทุกพรรค และแต่ละคนแต่ละฝ่ายก็มีสาเหตุที่แตกต่างกัน ไม่ใช่หมายความว่า ถ้ามีคนเข้าแล้วจะ 1-2-3 หรือถ้ามีคนออกแล้วจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตนคิดว่า เรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคน เมื่อพรรคตัดสินใจที่จะส่งนาย ก แล้วนาย ข ไม่ได้รับการพิจารณา ก็เป็นสิทธิของ นาย ข ที่จะย้ายพรรค หากเขาประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งอีก
“เรื่องปักษ์ใต้ ได้สะท้อนข้อนึงว่า ความนิยมของพรรคยังดีอยู่ ผมมั่นใจว่าดีขึ้นเป็นลำดับ ถึงมีคนแย่งกันลง ปัญหาใหม่ก็ตามมา การเมืองมี 2 ด้านเสมอ สะท้อนว่า พรรคมีคะแนนนิยมดี มีคนอยากลง เขตนึงมีคนสนใจแย่งกันลง 2 คน 3 คน แต่มันก็จะมีอีกมุม คือ คนที่พรรคไม่ตัดสินใจเลือกให้ลงก็อาจจะไม่พอใจ ก็ต้องไปอยู่พรรคอื่น อันนี้เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองปกติ เกิดได้กับทุกพรรค ผมไม่มีความกังวล เพราะพรรคมีเป้าหมายชัดเจนแน่นอนว่าเขตไหนเป็นเขตเป้าหมาย และเราจะได้มากกว่าเดิมในพื้นที่ไหนอย่างไร เพราะฉะนั้นทั้งหมดยังไม่มีผลกระทบอะไร” นายจุรินทร์ กล่าว