ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตามนัยแห่งวาทะที่ว่า “โดยประชาชน เพื่อประชาชน” คนเป็นปัจจัยหลัก ส่วนพรรคเป็นเพียงปัจจัยรอง
คำว่า คนในที่นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามอำนาจหน้าที่ดังนี้
1. ผู้เลือก อันได้แก่ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ทางด้านนิติบัญญัติ และบริหารประเทศ
2. ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายถึงนักการเมืองที่แสดงเจตจำนงลงเลือกตั้งผู้แทน เพื่อเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชนในด้านนิติบัญญัติ และบริหาร
ส่วนคำว่า พรรคการเมืองได้แก่ นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพื่อรองรับผู้ที่ต้องการลงเลือกตั้งภายใต้อุดมการณ์ และระเบียบปฏิบัติของพรรค
ดังนั้น พรรคการเมืองที่ดีควรแก่การเรียกสถาบันทางการเมือง จะต้องมีการจัดตั้งและบริหารจัดการอย่างเป็นธรรม ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และในการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะต้องจัดทำนโยบายบริหารประเทศในแต่ละด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศและของโลก เพื่อนำเสนอต่อประชาชนในการปราศรัยหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง
ถ้าหากพรรคได้รับชัยชนะ และได้เป็นรัฐบาลจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือรัฐบาลผสม โดยที่พรรคเป็นแกนนำในการจัดตั้งจะต้องนำนโยบายที่ปราศรัยหาเสียงไว้แถลงต่อสภาฯ เป็นพันธสัญญาว่าจะบริหารประเทศตามแนวนโยบายนี้
ในขณะเดียวกัน พรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านก็จะต้องติดตาม และควบคุมให้รัฐบาลทำตามนโยบายที่วางไว้ และนำไปประเมินผลงาน และหากพบว่า รัฐบาลไม่ทำตามนโยบายหรือทำแล้วเกิดความบกพร่องผิดพลาด ก็ตั้งกระทู้ถามพร้อมให้คำแนะนำ ถ้าท้วงติงแล้วยังดำเนินการต่อไปและส่อเค้าว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายก็ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ประเทศไทยก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไป ดังนั้น พรรคการเมืองทั้งที่เป็นพรรคเก่าและจัดตั้งขึ้นใหม่ต่างเตรียมตัวการเลือกตั้ง โดยการสรรหาตัวผู้สมัครและมีการเปิดตัวผู้สมัครในเขตต่างๆ
ดังนั้น ในฤดูการเลือกตั้งเช่นนี้ จึงเกิดปรากฏการณ์ย้ายพรรค ขายบรรดานักการเมืองเกิดขึ้นปรากฏเป็นข่าวแทบทุกวัน และพรรคที่ ส.ส.หรือแม้กระทั่งอดีต ส.ส.ย้ายพรรคมากที่สุดคงไม่มีพรรคไหนเกินพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่และเป็นที่แจ้งเกิดตนเองได้ แจ้งเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคนี้ได้ให้โอกาสทำงานทางการเมือง ทำให้ผู้เขียนฟังแล้วนึกถึงภาษิตจีนที่ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนนำมาอ้างว่า “เมื่อเราดื่มน้ำจากบ่อ เราไม่ควรลืมผู้ที่ขุดบ่อ”
จากนี้ไปเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนจะถึงเวลาการเลือกตั้ง และระหว่างที่รอการเลือกตั้งเชื่อได้ว่า บรรดาพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่คงงัดกลยุทธ์ทางการเมืองออกมาต่อสู้กันในหลายรูปแบบ มีตั้งแต่โชว์พลังดูดตัวผู้สมัครจากพรรคอื่นไปจนถึงการออกมาโจมตีโดยการขุดคุ้ยจุดด้อยของพรรคคู่แข่งไปจนถึงการใช้กลไกรัฐไปจัดการกับพรรคคู่แข่ง เพื่อผลทางการเมือง
แต่ไม่ว่าพรรคไหนจะใช้กลยุทธ์ใดในการต่อสู้ทางการเมือง ประชาชนเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครแพ้หรือชนะ
ดังนั้น พรรคและบุคลากรทางการเมืองของพรรคเท่านั้น จะเป็นปัจจัยหลักให้ประชาชนนำไปพิจารณาในการเลือกและไม่เลือก รอให้ถึงวันแล้วทุกพรรคจะรู้เองว่า สิ่งที่ตนเองทำไป ประชาชนยอมรับหรือไม่