xs
xsm
sm
md
lg

“เต้น” ทำเป็นเบี่ยงเบน? ด่า “ประยุทธ์” ปล่อยทุนจีนสีเทาเต็มเมือง ชาวเน็ตเชียร์ขุดคุ้ย “ภูมิธรรม” ปกป้อง “อุ๊งอิ๊ง”!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์โจมตีทุนจีนสีเทา และรัฐบาลประยุทธ์ โดยไม่สนใจปมเชื่อมโยงเพื่อไทย และอุ๊งอิ๊ง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
ทำปืนลั่น หรือ เบี่ยงประเด็น? “เต้น” ด่า “ประยุทธ์” ปล่อย “ทุนจีนสีเทา” ขยายอิทธิพล เบี่ยงเบนปมเชื่อมโยง “เพื่อไทย-อุ๊งอิ๊ง” ชาวเน็ตเชียร์ขุดคุ้ยอย่าหยุด ใคร? เป็นเจ้าของหมู่บ้าน “ภูมิธรรม” อ้างใช้ “นอมินี” ซื้อหลายทอด

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ธ.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพ การออกมาโจมตีทุนจีนสีเทา แม้หลอกด่า “ประยุทธ์” ก็ตาม ระบุว่า

“ไม่ผิดหวังที่ผมติดตามพี่เต้นมาโดยตลอด แม้การออกมาพูดครั้งนี้ จะสะเทือนถึงหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ ผู้บริหารพรรค

ผมขอให้กำลังใจ พี่เต้น ณัฐวุฒิ นักการเมืองน้ำดี ให้เปิดโปงแก๊งมาเฟียจีนตู้ห่าว และ ลากเอาเครือข่ายที่โยงใยออกมาทั้งหมดนะครับ

ขอบคุณที่ยืนข้างประชาชน แม้อาจจะทำให้พรรคโดนยุบ และมีคนติดคุกก็ตาม 🥰🥰🥰🥰🥰

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ถูกอ้างถึง โพสต์ข้อความระบุว่า

“หัวใจไม่หยุดเต้น EP.58

ปรับ ครม.ของพี่คนน้องคน ประชาชนไม่ได้อะไร ?

สังคมไทยวันนี้กำลังติดตามจับตาความเป็นไปของ 2 เครือข่าย 1) เครือข่าย “ตู้ห่าว” 2) เครือข่าย “ตู่หาว”

เอาที่ “ตู้ห่าว” ก่อน ชายคนนี้เป็นคนสัญชาติจีน เข้ามาทำมาหากินมีครอบครัวในประเทศไทย ถ้าโปร่งใสตรงไปตรงมาไม่ว่ากันนะครับ แต่นี่เข้ามาทำธุรกิจใต้ดินกลิ่นไม่ดี มีพิรุธ และกำลังถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่ในเวลานี้ เรื่องมันแดงขึ้นมาสาวไส้ออกมาก็ยิ่งเห็นภาพชัดว่ามันมีเครือข่ายอิทธิพลนอกระบบใหญ่โต ซึ่งขบวนการทุนข้ามชาตินอกระบบพวกนี้เข้ามาเดินยืดอยู่ในประเทศไทยได้มันมีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละครับ เขาต้องมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้มีอำนาจทางการเมืองและเครือข่ายกลไกรัฐ ซึ่งเครื่องมือเดียวที่จะทำให้สัมพันธภาพนี้ดีขึ้นมาได้ก็คือผลประโยชน์เป็นเม็ดเงิน

เฉพาะ “ตู้ห่าว” เครือข่ายเดียว มีการตรวจค้นมีการเจาะลึกทำให้คนไทยทั้งประเทศตกตะลึงว่า 8 ปีที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งบอกว่าเป็นรัฐบาลคนดี เข้ามาปฏิรูปประเทศ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด แล้วบ้านเมืองมาถึงวันนี้ได้ยังไง?

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ล่ะครับ เพราะตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เรายังนับไม่ถูกเลยว่าเครือข่ายใต้ดินพวกนี้เข้ามาแล้วสร้างความเสียหายให้กับประเทศไปแล้วขนาดไหน? ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมืองทุกตรอกซอกซอย แต่คนพวกนี้กำลังยืนอยู่ในจุดบนสุดของสังคม มีเงินมีทองจับจ่ายใช้สอยได้ตามอำเภอใจ

พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงภาพย้อนหลังไปเราจะเห็นว่า “ตู้ห่าว” คนนี้ นอกจากทำมาหากินสีเทาใต้ดินแล้ว ยังเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้บริจาคเงินเข้าบัญชี มีหลักฐานในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เฉพาะที่มีหลักฐานก็สามล้านนะครับ แล้วใครจะกล้าฟันธงมั้ยว่าไม่มีการให้กันนอกระบบ ไม่มีการเติมเงินให้พรรคการเมืองนี้เอาไปใช้จ่ายในสนามเลือกตั้ง

นี่ไงครับ! คนพวกนี้ถึงเข้ามาก่อการอยู่ในประเทศไทยได้ แล้วพอพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลมาสามปีกว่าๆ ที่เพิ่งด่ากันจบไปหยกๆ ไงครับ กรณีรัฐบาลจะแก้ประกาศกระทรวงมหาดไทยให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ 1 ล้านดอลลาร์ แล้วซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ ถ้าผ่านไปบังคับใช้ ใครครับจะมาก่อน? ก็คนพวกนี้ไงครับ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม หมู่บ้านหรูๆ หลายแห่งในกรุงเทพมหานคร ราคา 30 ล้าน 60 ล้าน 100 ล้าน คนพวกนี้ยกโขยงกันมาซื้อยกโครงการ ที่ซอยลาซาล หมู่บ้านมี 66 หลัง เครือข่าย “ตู้ห่าว” และพวก ซื้อไปแล้ว 50 หลัง โดยนอมินีเป็นคนไทย คอนโดบางแห่งซื้อยกชั้น ยกสองชั้น ยกสามชั้น บ้านเดียวบางหลังราคา 100 ล้าน ใช้นอมินีคนไทยไปเป็นผู้ซื้อ
นี่ถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันด่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเครือข่ายทุนสีเทานอกระบบเหล่านี้จะครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ในประเทศไทยไว้มากมาย ก็ให้นอมินีคนไทยซื้อต่อๆ กัน คนละไร่ๆ 50 ไร่ 100 ไร่ เขาทำได้!

คนในรัฐบาลชุดนี้นอกจากจะกินเงินสกปรกจากขบวนการสกปรกแล้ว ส่อว่าคิดถึงขั้นจะขายแผ่นดินให้กับพวกใต้ดินด้วย!!!

ไหนล่ะครับการปฏิรูป? ไหนล่ะครับการบังคับใช้กฎหมาย?

พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างว่า ก็กำลังปราบอยู่นี่ไม่ได้นะครับ ท่านมีอำนาจมา 8 ปี เฉพาะรัฐบาลนี้ก็อยู่มา 3 ปีกว่าๆ เรื่องเพิ่งเข้าหูเข้าตาเอาวันนี้เหรอครับ? เพิ่งคิดจะตาม คิดจะจับเอาวันนี้เหรอครับ?

นี่คนยังมองกันอยู่เลยว่าส่วนหนึ่งน่ะ เป็นเกมการเมือง ท่านต้องการจะเด็ดปีกเด็ดหางผู้ช่วยสำคัญคนหนึ่งของพล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่? และนั่นหมายความว่า ถ้าไม่มีความขัดแย้งกันทางการเมือง คนพวกนี้ก็ยังคงจะขยายอิทธิพลต่อไปเรื่อยๆ หรือยังไง?

8 ปีแล้วนะครับที่ลูกๆ หลานๆ หลายคนที่คิดต่างเห็นไม่ตรงกับฝ่ายผู้มีอำนาจต้องพาตัวหลบภัยไปใช้ชีวิตต่างแดน ในทางกลับกัน ขบวนการทุนข้ามชาติพวกนี้ทำอีลุ่ยฉุยแฉกไว้ที่ไหนก็ตาม กลับเข้ามาเดินอย่างสง่างามในประเทศไทย มันหมายความว่ายังไงครับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ท่านกำลังทำงานกันอย่างเข้มข้น ถ้าโปร่งใสตรงไปตรงมา ท่านเดินหน้าไปเลยนะครับ ประชาชนเขาเอาใจช่วย เขาให้กำลังใจ

อีกเครือข่ายหนึ่งก็ “ตู่หาว” หมายถึงคนชื่อ “ตู่” ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่เวลานี้คงกำลังนั่งหาวล่ะครับ เพราะทำยังไงคะแนนนิยมก็ไม่กระเตื้องขึ้นซะที จัดเอเปกก็แล้ว กระแสก็ยังตกต่ำอยู่อย่างเก่า ยิ่งต้องแยกตัวออกจาก พล.อ.ประวิตร มาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ แทนที่ผู้เห็นเหตุการณ์จะวิจารณ์ว่านี่คือการแตกมาเพื่อโต กลับกลายเป็นว่าใครก็ตามที่พูดเรื่องนี้ฟันธงตรงกัน 100% ว่ายิ่งแยกตัวจะยิ่งเล็กลง แบบนี้ “ตู่” จะไม่หาวได้ยังไงกันล่ะครับ

ส่วนคำถามที่ว่าเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในทัศนะผม ถ้าพอมีสำนึกยางอายอยู่บ้าง จะไม่เห็นการสมัครเป็นสมาชิกจนกว่าจะยุบสภา แต่ก็ไม่แน่นะครับ เห็นเนติบริกร ดร.วิษณุ แกตีไพ่ให้รายวันอยู่เหมือนกัน บอกว่า แม้ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพลังประชารัฐ ก็สามารถสมัครสมาชิกรวมไทยสร้างชาติได้ ไม่ผิดกฎหมาย นี่พูดอีกก็ถูกอีกล่ะครับ กฎหมายมันไม่ได้เขียนห้าม แต่ถามว่ามนุษย์มนาธรรมดาเขาจะคิดทำกันแบบนี้มั้ย? ก็ตัวคุณเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ หมายความว่า ได้ตำแหน่งนี้มาจากประชาชนที่เลือกพลังประชารัฐ แล้ว ส.ส.พลังประชารัฐ ยกมือให้ อยู่ 3 ปีกว่า ไม่คิดจะสมัครเป็นสมาชิก วันดีคืนดีไปสมัครสมาชิกพรรคอื่นซะอย่างนั้น แบบนี้จะเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ยังไง? ไอ้กฎหมายน่ะไม่ผิด จะไปเทียบกับคุณหญิงสุดารัตน์กับผู้ว่าฯ ชัชชาติ ไม่ได้ล่ะครับ เพราะว่าสองคนนั้นแม้ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้เดินออกจากพรรคไปไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ จากคะแนนเสียงหรือ ส.ส.ของพรรค ต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์

ใครที่คิดว่าจะทำได้แบบที่ ดร.วิษณุ อธิบาย ไม่ใช้แค่แม่นกฎหมายนะครับ ต้องหน้าด้านด้วยถึงจะทำ!!!
ส่วนสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ก็คงเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งแล้วล่ะครับ เพราะล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูก 2 ฉบับ ผ่านฉลุย! เชื่อว่า ไม่น่าจะมีเกมพิสดารใดๆ จะขัดขวางหรือล้มการเลือกตั้งได้ ทุกพรรคเขาก็ขยับตัวไปสู่สนามเลือกตั้งแบบเดียวกันนะครับ รัฐบาลเพิ่งปรับคณะรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีใหม่ขึ้นมา 3 คน เห็น 3 รายชื่อนี้ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า นี่คือ สัญญาณที่แม้ 2ป. จะแยกทางกันไปกันคนละพรรค แต่สุดทางหลังการเลือกตั้งสามารถจะกลับมาจับมือกันได้ตลอดเวลา เพราะ 3 รายชื่อรัฐมนตรีหน้าใหม่ คือ การประนีประนอมกันของอำนาจ เพราะชื่อ 3 คนนี้มันชัดเลยนะครับ ว่าแม้ 2ป. จะเหยียบตาปลากัน แต่ไม่ถึงขั้นควักลูกตากันครับ เขายังคุยกันรู้เรื่อง

ของประชาธิปัตย์ คุณนริศ ไม่มีปัญหาล่ะครับ เขาปรับกันตรงๆ ให้ตำแหน่งที่ว่าง แต่อีก 2 เนี่ย คุณธนกร ก็แน่ๆ ว่าเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ถึงวันนี้คงแยกจากกลุ่มสามมิตรไปแล้วล่ะครับ มารับตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนคุณสุนทร ปานแสงทอง อันนี้ถือว่าเป็นชื่อใหม่แบบม้ามืดของเวทีการเมืองระดับชาติ เขาคนนี้คือรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ รองจากคุณนันทิดานั่นแหละครับ ที่เป็นม้ามืดมาแรงแซงทางโค้งได้ เหตุผลเดียวครับ เป็นการปรับยกเก้าอี้รัฐมนตรีให้ ส.ส.ปากน้ำ ตามที่ พล.อ.ประวิตร เคยรับปากไว้ก่อนหน้านี้ ก็พี่ป้อมได้คน น้องตู่ได้คน ส่วนประชาชนไม่ได้อะไรล่ะครับ

คือ ผมไม่ได้ปรามาสรัฐมนตรีใหม่ทั้ง 3 ท่านนะครับ แต่เวลาที่เหลืออีกแค่ 2-3 เดือนน่ะ ท่านคงจะทำอะไรกันได้ไม่มาก และแม้ว่ากติกาเลือกตั้งจะออกมาเป็นบัตร 2 ใบ หาร 100 กองเชียร์คอการเมืองทั้งหลายก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจว่าแบบนี้ฝ่ายประชาธิปไตยมาแน่ เพื่อไทยแลนด์สไลด์ชัวร์ๆ ยังครับ! เพราะว่าโจทย์มันคนละอย่าง

“เพื่อไทย” จำเป็นต้องแลนด์สไลด์ เพื่อเปลี่ยนข้างรัฐบาลเป็นของประชาชนให้ได้ แต่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ กับพวก เขาไม่จะเป็นแบบนั้น เขาต้องการเพียง 100 กว่า 200 เสียง บวกกับ ส.ว. 250 คน ตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก่อน แล้วเอาตำแหน่งนายกฯ นี่แหละครับไปตกงูเห่า เขาคิดกันแบบนี้

ดังนั้น ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจริงๆ ประมาทไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว การตัดสินใจเด็ดขาดเอาฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรัฐบาล ยังคงต้องเป็น “ธงนำ” ในการเลือกตั้งคราวนี้ ไม่งั้นพวก 2-3 ป. เอาไปกินแน่ครับ!

ส่วนฝ่ายค้านก็เห็นเขาขยับพยายามแต่งเนื้อแต่งตัวกันอยู่นะครับ “พรรคก้าวไกล” ก็ทยอยประกาศนโยบายออกมา ส่วน “เพื่อไทย” วันที่ 6 ธันวาคมนี้ ก็จะมีการประชุมใหญ่ ข่าวเขาบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคหลายตำแหน่ง ก็ไม่ต้องไปวิเคราะห์อะไรให้มันลึกซึ้งยาวความล่ะครับ เรื่องมันง่ายๆ ว่า เขาทำเพื่อความคล่องตัวในการเดินหน้าในสนามเลือกตั้ง เอา ส.ส.เขต ซึ่งต้องประจำพื้นที่ออกจากกรรมการบริหาร แล้วเอาคนที่ไม่ใช่ ส.ส.เขตเข้าไปทำหน้าที่แทน เวลาจะประชุม เวลาจะออกมติในสถานการณ์เลือกตั้ง มันทำได้คล่องตัวกว่าทำนั้นเอง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนหน้าเพจ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ได้มีชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก เช่น ทำปืนลั่น 555555, รู้สึกตัวหรือยัง สงสัยยังไม่รู้ตัว, ขุดเยอะๆ อย่าหยุดนะคะ เรารักคุณค่ะ, แล้วหมู่บ้านที่ซื้ออยู่เป็นของใครละในสมัยนั้น

ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่ขุดเรื่องนี้ทั้งที่คนเพื่อไทยเงียบทั้งพรรค ขุดต่อนะครับ คุณชูวิทย์ก็ให้รายละเอียดมากพอควร ขุดให้ถึงที่สุดนะครับ เอารายชื่อมาแฉเลยครับ ทุนพวกนี้มันชั่ว ขายชาติ, แอบหวังอยู่ว่าเต้นจะไม่ลบโพสต์นี้ทิ้งนะ รอให้ขุดเยอะไป ผลประโยชน์ได้กับประชาชน ฯลฯ เป็นต้น

ภาพ เพจดัง คาดหมาย “ณัฐวุฒิ” ก่อนและหลังรู้ถึงความเชื่อมโยงกับเพื่อไทย และ อุ๊งอิ๊ง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
นอกจากนี้ “The METTAD” ยังโพสต์ถึง “เต้น-ณัฐวุฒิ” ว่า

“อย่าใบ้แดกอีกนะครับพี่เต้น”

ภาพ โพสต์ของ ภูมิธรรม เวชชยชัย กรณีทุนจีนสีเทาซื้อหมู่บ้าน ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน The METTAD โพสต์ถึง กรณี “ภูมิธรรม เวชชยชัย” โพสต์ชี้แจงเรื่อง “ทุนจีนซื้อบ้าน” ซึ่งหนึ่งในนั้น มีบ้านในโครงการ ที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “เป็นเจ้าของ” ด้วย ระบุว่า

“50 หลัง เงินสดๆ
ใช้นอมินีหลายทอดเหรอครัช”

แน่นอน, ดูเหมือน กรณี “ตู้ห่าว” และทุนจีนสีเทา ตัวแทนเครือข่าย “นายใหญ่” จากแดนไกล เริ่มออกมาชี้แจงแบบข้างๆ คูๆ กันแล้ว

คนหนึ่ง เบี่ยงเบน เป็นความผิดของรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ปราบปราม และปล่อยให้ขยายอิทธิพลเต็มบ้านเต็มเมือง แถมยกการแก้กฎกระทรวงเรื่องขายที่ดินให้ต่างชาติ (ที่ถอยไปแล้ว) เอามาโจมตีว่า เตรียมเอื้อให้คนพวกนี้

แต่ไม่ยอมพูดถึงความเชื่อมโยงที่โลกโซเชียลกำลังจับตามองว่า จะชี้แจงอย่างไร กรณี “ตู้ห่าว” ได้รับ “อนุมัติ” ให้สัญญาติไทย ตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งยังมี “ผัง” เชื่อมโยงสายสัมพันธ์กับนักการเมืองใหญ่ใน “เพื่อไทย” รวมทั้งหมู่บ้านหรูที่ “ทุนจีนสีเทา” ซื้อหลายหลัง หนึ่งในนั้นยังเป็นของ “อุ๊งอิ๊ง” ด้วย

ส่วนอีกคน ออกมาอ้างว่า การซื้อบ้านของ “ทุนจีนสีเทา” ใช้ “นอมินี” เจ้าของหมู่บ้านจึงไม่อาจตรวจสอบได้ อะไรประมาณนั้น

ไม่รู้ว่า การออกมาชี้แจงเพียงแค่นี้จะช่วยทำให้ “นายใหญ่” และพรรคเพื่อไทย รอดพ้นกระแสเชื่อมโยงไปได้หรือไม่ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น