ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ทีเด็ด สอท.“เฮียกวง” ควง “อุตตม-สนธิรัตน์” จัดเต็มแดนใต้ ได้ “กูเซ็ง” ปักธง “บ้านใหญ่” 3 จชต.
จัดว่าเด็ดสำหรับการเคลื่อนไหวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครจังหวัดนราธิวาส ชายแดนใต้ของพรรคสร้างอนาคตไทย ที่จัดทัพใหญ่เต็มสูบลงพื้นที่นำโดย “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค ซึ่งทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย “วัชระ ยาวอฮะซัน” เขต 1 “สารี สะมะแอ” เขต 2 และ “อามีน โต๊ะนากายอ” เขต 4 โดยมีสมาชิกพรรคและสมาชิกสภาจังหวัด 21 เขต จาก 30 ที่นำโดย “กูเซ็ง ยาวอหะซัน” นายก อบจ.นราธิวาส มาร่วมกิจกรรมเปิดตัวครั้งนี้
ต้องบอกว่า สำหรับ “กูเซ็ง” นั้น รู้กันในพื้นที่ว่าไม่ธรรมดา ขนาด “สนธิรัตน์” ยกให้ไม่แพ้ “มหาธีร์ โมฮัมหมัด” ของมาเลเซีย ถ้าเป็นคนนราธิวาส คงไม่มีอะไรที่น่าภูมิใจอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่มีนักการเมืองดูแลประชาชนมากกว่า 30 ปี ผ่านการพิสูจน์เลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า
เบื้องหลังการจับมือกันครั้งนี้ ได้มาหารือกับ “กูเซ็ง” กันมาเป็นปี และเป็นความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ตอนทำการเมืองเมื่อครั้งที่แล้ว และได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมา
ว่ากันว่า “สนธิรัตน์” ขอร้อง “กูเซ็ง” ขอให้พรรคสร้างอนาคตไทย มีจังหวัดนราธิวาส เป็น “บ้านใหญ่” ของสามจังหวัดชายแดนใต้ และเป็นการปักธงจากนราธิวาส จะเป็นการปักธงตัวแทนพี่น้องมุสลิมและพุทธ ไปสู่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
พูดง่ายๆ ว่า งานนี้ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ต้องการเห็นนราธิวาสเป็นเมืองหลวงของพรรค และของสามจังหวัดชายแดนใต้
ขณะที่ “เฮียกวง” ลั่นวาจา การเมืองวันนี้ต้องไม่เอา “การเมืองยุคเครื่องดูดฝุ่น” ที่ทำค่าตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต พุ่งกระฉูด พร้อมกับชูศักดิ์ศรีพี่น้อง 3 จ.ชายแดนใต้ อย่าให้การเมืองหลอกซ้ำซาก รัฐต้องเลิกมอง 3 จ.ชายแดนใต้เป็นภาระ แต่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ การศึกษา คุณภาพชีวิต
“สมคิด” ยังบอกว่า การมาที่นราธิวาส ก็ด้วยจุดประสงค์ 3 ประการ เพื่อขอบคุณชาวนราธิวาส และทีมงานของ “นายกกูเซ็ง” มาให้กำลังใจ เพราะคนที่ไม่เคยลำบาก ไม่เคยจน ก็ไม่รู้สึกถึงความลำบาก และมาเพื่อสัญญา ที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะต้องทำให้ชีวิตพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดน พ้นความยากลำบากให้ได้
... 3 จังหวัดภาคใต้ผมมาแล้ว 3 ครั้ง ทุกครั้งที่มา ผมตั้งคำถามว่า ทำไมแผ่นดินที่สวยงามด้วยธรรมชาติ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร ผู้คนน่ารัก ทำไมถึงยากจนขัดสนที่สุด นราธิวาสยากจนที่สุดในประเทศไทย แล้วเขาต้องใช้เวลาอดทนอีกนานเท่าไหร่ ทำไมถึงแก้ปัญหาไม่ได้ ฮาลาลทำไมทำไม่ได้ ทำให้คนมีทักษะในการทำมาหากินก็ไม่ได้ ผมมาวันนี้ก็ขอสัญญาว่า ถ้าได้รับโอกาสผมจะทำให้ได้ เพราะวันนี้ผมมาด้วยหัวใจไม่ใช่มาปราศัยหาเสียง ผมได้มอบแนวทางให้พรรคทำให้ชีวิตของชาวนราธิวาสดีขึ้นให้ได้...
พูดถึงการทำชีวิตของคน 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ดีขึ้น หัวหน้าพรรค “อุตตม” กล่าวว่า เศรษฐกิจปีหน้าสาหัส ต้องเลือกผู้นำและพรรคที่แก้ปัญหาปากท้องได้ เล็งพักหนี้-เติมทุน ใช้นโยบาย 5 สร้าง หนุนจุดแข็งชายแดนใต้ สร้างโอกาสสินค้าฮาลาล การท่องเที่ยว
แน่นอนว่า “สร้างอนาคตไทย” ถูกมองว่า เป็นพรรคใหม่ แต่ “อุตตม” เชื่อมั่นว่า การมาร่วมอุดมการณ์กันทำงานบนช่วงเวลาที่ประเทศชาติประสบความยากลำบาก มาจากหลายสาย ทั้งสายวิชาการ สายธุรกิจ สายผู้บริหารบริษัทชั้นนำ มาผนึกกำลังกันร่วมสร้างบ้านเมือง จึงไม่ใช่พรรคการเมืองแบบเดิมๆ ล้วนแต่เป็นคนที่ไม่เคยสัมผัสการเมืองโดยมาด้วยชุดความคิดใหม่ที่แปลงไปสู่นโยบายที่จับต้องได้ เพราะโจทย์ใหญ่คือ เศรษฐกิจ ปากท้อง ถ้าแก้ไม่ได้ผู้คนเดือดร้อน อย่าไปคิดแก้อย่างอื่นเลย
ดังนั้น พรรคจึงมีนโยบาย “แก้หนี้แก้จน โดยคนในชุมชน” โดยเริ่มจากการบรรเทาหยุดภาระหนี้ พักหนี้ จะทำให้ได้จริงและเหมาะสม คือ พักหนี้ 5 ปี ต่อด้วยเติมทุนใหม่ให้ประชาชน โดยจัดตั้งกองทุน “สร้างอนาคตไทย” ผ่านแบงก์รัฐด้วยดอกเบี้ยพิเศษที่ประชาชนจ่ายได้จริง กองทุนนี้ 3 แสนล้าน จะไม่เป็นภาระของประเทศด้วย เพราะเอามาจากเงินงบประมาณ ไปชะลอการใช้เงินงบประมาณของส่วนที่ชะลอได้มาใช้ส่วนนี้
เมื่อหยุดหนี้ เติมทุน แล้วต้องมี เติมความรู้ทักษะ อาชีพใหม่โอกาสใหม่ต้องหยิบยื่นให้ประชาชน หน่วยงานรัฐทุกหน่วยต้องเข้ามาสนับสนุน ซึ่ง 3 ช็อตนี้ จะช่วยแก้หนี้สินได้ ซึ่งนราธิวาส และหลายจังหวัดในภาคใต้ มีทุนเดิมอยู่แล้ว ทุนมนุษย์ ทุนทรัพยากรธรรมชาติ ทุนทางวัฒนธรรม มีโอกาสอีกมากมาย โดยเฉพาะการเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
นี่เป็นเพียงช่วงปีกลองโหมโรง ก่อนที่สมรภูมิการเลือกตั้งจะมาถึงในปีหน้า ตอนนี้ทุกพรรคใครมีทีเด็ดอะไรต้องทยอยๆ “ปล่อยของ” ให้ประชาชนได้รับรู้ไว้ก่อน
ต้องไม่ลืมว่า ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ใช่แค่เลือก ส.ส. แต่จะเป็นจุดเปลี่ยนอนาคตของประเทศ และประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงหลังจากอยู่กับลุงๆ มาจวนเจียน 8 ปี
ทีเด็ดของสร้างอนาคตไทย “สมคิด-อุตตม-สนธิรัตน์” ในการสร้าง “บ้านใหญ่” 3 จังหวัดชายแดนใต้คราวนี้จะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการหรือไม่ เป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป
**จับโป๊ะ!! “ธนาธร” อภิปรายเรื่องน้ำประปา สีสนิม ขุ่นข้น ประกอบการแก้ไข รธน.ปลดล็อกท้องถิ่น สุดท้ายเข้าตัว เพราะนายก อบต. ที่ว่านั้น เป็นคนของคณะก้าวหน้า เอง
หลังจากเงียบหายจากหน้าสื่อไปนาน สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ก็ได้เข้าสภา เพื่ออภิปรายนำเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ “ปลดล็อกท้องถิ่น” ที่ตัวเขาและประชาชนเข้าชื่อร่วมกันเสนอ เพื่อกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นได้บริหารจัดการตัวเอง
ช่วงหนึ่ง “ธนาธร” ได้นำขวดน้ำสีสนิม มาประกอบการอภิปราย บอกว่า เป็นน้ำประปาจาก อบต.พนมไพร อ.ค้อใหญ่ จ.ร้อยเอ็ด และว่า น้ำประปาในตำบลส่วนใหญ่ของประเทศไทย ก็มีสภาพขุ่นข้น เช่นนี้ ประชาชนต้องดิ้นรนหาน้ำสะอาดเอง การจะลงทุนเพื่อปรับปรุงน้ำประปาทั้งระบบในตำบลให้ใสสะอาด ต้องใช้เงินประมาณ 10 ล้านบาท ต่อตำบล ซึ่ง อบต.ในประเทศไทยส่วนใหญ่มีเงินลงทุนต่อปีแค่ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหา ที่เกิดขึ้นจากความไม่มีอิสระ และไม่มีงบประมาณของท้องถิ่น ... ดังนั้น ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปจนแก่ จนตาย และส่งต่อไปถึงลูกหลานของเรา
และจากการอภิปรายเรื่องน้ำประปาสีสนิมนี่เอง ... เพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 โพสต์ข้อความ “จับโป๊ะ” ว่า สิ่งที่ “ธนาธร” พูดนั้น เป็นการพูดไม่หมด จึงขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้
1. นายก อบต.ค้อใหญ่ เป็นคนของคณะก้าวหน้า และ ส.ส.ในพื้นที่เป็นของพรรคเพื่อไทย
2. น้ำดิบที่ทำน้ำประปาในพื้นที่ ดึงมาจากแม่น้ำชี และขุดน้ำบาดาล ส่วนใหญ่ต้องได้รับการบำบัดด้วยคลอรีน และสารส้มให้ตกตะกอนก่อนนำไปใช้
3. ช่วงหน้าฝน น้ำดิบที่ดึงมาใช้ จะมีตะกอนจากชั้นหินแดงมาก และสะสมในบ่อพักและท่อ ทำให้เป็นสีสนิมตามที่ “ธนาธร” ยกมา แต่ถ้ามีการล้างท่อ และถังพักปัญหาดังกล่าวจะลดลง
คำถามคือ “ส.ส.เพื่อไทย” และ “นายก อบต.จากคณะก้าวหน้า” ได้ทำหรือไม่ และได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ทราบหรือไม่
อีกคำถามคือ การบริหารน้ำในหมู่บ้านได้โอนย้ายมาที่ อบต.หรือยัง และตั้งงบประมาณแก้ไขในจุดดังกล่าว หรือไม่
ผมสงสัยว่าคุณธนาธร มีความรู้ความเข้าใจปัญหาน้ำประปาในแต่ละพื้นที่ แค่ไหนครับ
4. ยิ่งบอกว่าถ้าเพิ่มงบประมาณให้ท้องถิ่นจัดการเอง จะทำให้ได้น้ำสะอาด โรงเรียนคุณภาพ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น เหมือนเสกได้ คุณมั่วแล้วครับ
การเพิ่มงบให้ท้องถิ่นมันเป็นดาบสองคม ถ้าท้องถิ่นไหนเศรษฐกิจดี เงินบำรุงก็จะเยอะ ท้องถิ่นมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่แห้งแล้ง น้ำท่วม เป็นป่าเขา เงินบำรุงก็จะน้อย ความห่างของชุมชน ก็จะมากขึ้น อย่าว่าแต่โรงเรียนดีๆ เลย แค่เงินจ้างครูยังไม่มีเลยครับ
ที่สำคัญ เงินท้องถิ่นเพิ่มทำให้เงินส่วนกลางลดลง การที่รัฐบาลจะทำโครงการช่วยพื้นที่อ่อนแอก็จะลดลงและล้มเหลวในตอนสุดท้าย
จากประสบการณ์การทำงานของคุณธนาธรที่ผ่านมา ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่มาเสนอโครงการระดับประเทศ ผมมองไม่เห็นอนาคตเลยครับ ไปลองเล่นเกม simcity โดยไม่ใช้สูตรโกงให้ชนะก่อน แล้วค่อยมาเสนอตัวดีกว่าครับ...
นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนหนึ่งที่ไม่โอเค กันสิ่งที่ ธนาธร นำเสนอ ขณะเดียวกัน ยังมี ส.ว.อีกหลายคน ที่เห็นว่า ร่างแก้ รธน. ฉบับปลดล็อกท้องถิ่นนี้ มีเนื้อหาที่ “สุดโต่ง” เกินไป และเชื่อว่าคงจะถูกคว่ำตั้งแต่วาระแรก