xs
xsm
sm
md
lg

รทสช.บุกอุดรเจาะไข่แดงอีสาน ชู “บิ๊กตู่” โผงผางแต่ในใจห่วง ปชช.แกนนำแดงแห่ซบลั่นการเมืองไร้สี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พีระพันธุ์” ควง “วิทยา” บุกอุดรฯ เจาะไข่แดงอีสาน อวย “ประยุทธ์" เป็นคนโผงผาง แต่ในใจเป็นห่วง ปชช.-ปท.ชาติ เซอร์ไพร์ส “เจ๊รัตนาวรรณ” แกนนำแดงอุดรฯ นำทีมซบ รทสช. บอกการเมืองวันนี้ ไม่มีแบ่งสี มีแต่สีเดียวกัน

วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่หอประชุมมณฑาทิพย์ฮอลล์ จ.อุดรธานี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี พบปะสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุน 400 คน โดยมีการแนะนำตัวผู้แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จ.อุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 20 คน โดยบางเขตมีผู้สมัครมากกว่า 1 คน

สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น โดยสมาชิกพรรคที่มาวันนี้ พร้อมใจกันใส่เสื้อสีแดงและสีน้ำเงิน ที่มีโลโก้พรรค ซึ่งทั้งหมดเคยเป็นแนวร่วม นปช. มาก่อน นำโดย นางรัตนาวรรณ สุขศาลา แกนนำ นปช. จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช.

ด้าน นางรัตนาวรรณ กล่าวว่า เหตุผลการเข้าร่วมกับพรรค รทสช. เนื่องจากสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ไม่มีการแบ่งแยกสี เป็นสีเดียวกัน เห็นได้ชัดจากการเอาสีน้ำเงินและแดงมารวมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน

โดย นายวิทยา กล่าวว่า มา จ.อุดรธานี ครั้งแรกเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว หลังจากได้เตรียมการกับนายพีระพันธุ์ ว่า ในปัจจุบันมีความประสงค์จะตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จะรักษาไว้ เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานและมีเจตนารมณ์ชัดเจนว่าอยากจะสร้างความสามัคคีกับคนในชาติ ทุกสีทุกกลุ่มทั้งหมด และสิ่งที่ตนกลัวที่สุดและไม่อยากมาคือจังหวัดอุดรธานี เพราะเรารู้ว่าเรามีบาดแผลอยู่ในใจ แต่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหัวหน้า เพื่อจะสร้างความสามัคคีปองดองภายในชาติ ตนมา จ.อุดรธานี บ้านแรกที่ไปนั่งกินข้าวด้วยบ้านแรก คือ บ้านของ นางรัตนาวรรณ ซึ่งเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว เรายืนกันคนละฝั่งเจอหน้ากันไม่ได้ เหมือนจะฆ่ากันให้ตาย แต่เมื่อเรามาเจอกันที่จังหวัดอุดรธานีกอดกันเหมือนมิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันมานาน และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง หลังจากนั้น ก็มีสัญญาใจว่าเราทั้งหมดจะจับมือกันเพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ โดยอย่างยิ่งเราจะร่วมกันสร้างนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ วันนี้มีคนยื่นความจำนงสมัคร ส.ส.ใน จ.อุดรธานี มี 9 เขต แต่ปรากฏว่า ผู้ยื่นความจำนงเกือบ 20 คน เยอะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทั้งเพื่อน ส.ส. และน้องๆ ส.จ.และอดีตแกนนำ นปช. มีทั้ง จ.อุดรธานี จ.หนองคาย และใน จ.สกลนคร วันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่จะมาขอบคุณทุกคนที่มาเป็นกำลังใจให้กับพวกเราพรรครวมไทย

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ความจริงตนมาอีสานหลายครั้ง แต่ไม่ได้มา เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองและในความเป็นจริงเป็นชะตาชีวิต เราทุกคนถูกทั้งหมดมันถูกกำหนดมาตั้งแต่เล็กๆ มาจนโต ตนไม่เคยคิดที่จะเป็นนักการเมือง ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กคือเรื่องความเป็นธรรม และความถูกต้อง ทุกอย่าง ถ้าไม่มีความเป็นธรรม มันอยู่กันไม่ได้และตนก็เชื่อว่าหลายอย่าง หลายปัญหาที่อยู่ในใจของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องระดับรากหญ้า คือ ความหนักใจ ที่รู้สึกว่าทำไมเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ในหลายเรื่องมันอยู่ในใจลึกๆของพวกเรา จากตรงนี้จึงนำไปสู่ปัญหาทางการเมือง เราจะทำอย่างไรจะหลอมรวมความคิดการทำงานร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมือง

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า สุดท้ายเราจึงอยากให้มีพรรคการเมืองที่สู้ เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนและมีที่พึ่งเพื่อประชาชนในเวลาที่ประชาชนมีปัญหาเดือดร้อน มันไม่มีอย่างที่ใจคิด มันทำไม่ได้จึงได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.ในสมัยที่ 6 เมื่อปี 2562 ออกมาได้ 10 กว่าวัน ก็ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ว่าออกทำไมล่ะ ตนก็บอกว่าเบื่อ อยากมีพรรคการเมืองที่ทำอยากให้เป็น มันก็ไม่มี ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เขาก็บอกว่ามาช่วยนายกฯไหม มาช่วยนายกฯทำงาน มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งตนไม่เคยรู้จักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แต่ถ้าหากท่านมีความประสงค์ที่จะให้ผมช่วยงานชาติบ้านเมืองโดยไม่มีเรื่องการเมือง ตนทำงานการเมืองมา 30 ปีไม่เคยเจอใครที่เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตลอดเวลาที่ท่านคุยกับตนทุกครั้ง มีแต่เรื่องของประชาชนอาจจะเห็นท่านเป็นคนโผงผาง แต่ในใจเป็นห่วงประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด มันเลยทำให้ตนรู้สึกว่ามีความหวังว่าคนที่มาอยู่ทางการเมืองแล้วคิดเหมือนเรา และทำงานเพื่อประชาชน นั่งคุยกันเรื่องปัญหาชาวบ้าน มันมีมันไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองอาชีพ แต่เป็นใครก็ได้ที่มาทำตรงนี้ก็หารือกับนายกฯ ย้ำว่า ขอให้เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาชาติ.


กำลังโหลดความคิดเห็น