“บิ๊กโจ๊ก” ขอ 3 สัปดาห์ ปิดคดีทุนจีนสีเทา เผยผลสอบปากคำ “ตู้ห่าว” ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอไปให้การในชั้นศาล ส่วน รอง ผบก.น.6 ส่งหนังสือให้ ผบ.ช.น.สอบ หากพบปล่อยผู้ต้องหาแลกรับผลประโยชน์ ผิด ม.157 แจงไม่ต้องเรียกอดีต รมต.-นักการเมือง ที่เกี่ยวข้องมาสอบ ขอรวมหลักฐาน หากพบผิดออกหมายจับทันที นายกฯสั่งทำคดีตรงไปตรงมา
วันนี้ (24 พ.ย.) พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงผลการสอบสอบสวน นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ นายตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน ว่า จากการสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และขอไปให้การในชั้นศาล ก็ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่า ตำรวจก็มีหลักฐานที่ชัดเจน พร้อมคัดค้านประกันตัว ซึ่งในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนจะนำนายตู้ห่าวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยหลังจากนี้ จะมีการดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มและยึดทรัพย์สิน ของเครือข่ายนายตู้ห่าวทั้งหมด ซึ่งจะเร่งทำคดีดังกล่าวให้จบภายใน 3 สัปดาห์ พร้อมกับชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้กับสังคมได้รับทราบ รวมถึงจะมีการรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะขยายผลไปถึงทุนจีนสีเทาที่ใหญ่กว่า
ส่วนกรณีที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีกลุ่มทุนจีนเป็นจำนวนหลายนายนั้น ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการกับตำรวจสน.ยานนาวา ไป 2 นาย สน.ลาดพร้าว 1 นาย ส่วน รองผู้บังคับการนครบาล 6 ก็ได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด คือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา ว่า อาจเข้าข่ายในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ที่ปล่อยรถยนต์ของกลางผู้ต้องหาไปโดยมิชอบ โดยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด
ส่วนกรณีที่มีบุคคลนำเงินมาแลกกับการปล่อยรถ จะเป็นหลานของนายตู้ห่าวหรือไม่ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ บอกว่ายังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ส่วนกรณี ตำรวจ ตม.ที่ปล่อยให้คนจีนเข้ามา โดยออกวีซ่าเป็นนักศึกษานั้น จะมีการเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด ถึงรายละเอียดของวีซ่าดังกล่าว เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนมีอายุมากกว่า 50 ปี
ขณะที่กรณีภรรยาของนายตู้ห่าว ซึ่งมียศเป็นพันตำรวจเอก ตำรวจจะเชิญมาให้ปากคำ ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินและทรัพย์สินของนายตู้ห่าว หรือไม่ หากพบผิดจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับกรณีของ นางพัชรินทร์ ที่ นายชูวิทย์ ได้ส่งข้อมูลให้ โดยระบุว่า เป็นภรรยาอีก 1 คน ของนายตู้ห่าวนั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด ว่า ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 เป็นเช่นใด แต่ทราบว่า นายตู้ห่าว มีพันตำรวจเอกหญิงที่เป็นภรรยา ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ก็กำลังสอบสวนกลุ่มคนจีนที่ลักลอบมาทำธุรกิจในไทย หากพบผิดจะมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้ได้มีการประสานกับทางการจีนแล้ว
ส่วนความสัมพันธ์ของนายตู้ห่าว ที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้องในพรรคการเมือง ก็จะต้องมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก่อน แต่จะไม่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำ ซึ่งการรวบรวมหลักฐานเป็นหน้าที่ของตำรวจต้องให้มีความชัดเจน หากพบผิดจะมีการออกหมายจับทันที
ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กำชับให้ตำรวจได้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หากไม่รอบคอบก็จะทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียไปด้วย