รอง ผบ.ตร. เผยสอบปากคำ“ตู้ห่าว” นานกว่า 3 ชม. ปฏิเสธเกี่ยวข้องนายทุนจีนธุรกิจสีเทา ก่อนคุมตัวสอบต่อที่ สน.ยานนาวา พร้อมค้านประกันตัว ด้าน “ชูวิทย์” มอบข้อมูลเพิ่ม
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวภายหลัง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับเดินทางมอบตัวหลังเกี่ยวข้องกับนายทุนจีนสีเทา โดยเจ้าตัวได้ปฏิเสธไม่มีความเกี่ยวข้อง ตำรวจได้คุมตัวส่งสน.ยานนาวาท้องที่เกิดเหตุต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจขยายผลจับกุมกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่มีทั้งหมด 5 กลุ่ม เข้ามาประกอบธุรกิจคุมสถานบันเทิงในไทย ประกอบด้วย 1. กลุ่มนายตู้ห่าว 2. กลุ่มนายเดวิด 3. กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย 4. กลุ่มนายโทนี่ และ 5. กลุ่มนายหมิง ซึ่งตอนนี้จับกุมไปแล้ว 3 กลุ่ม คือ 1. นายตู้ห่าว 2. นายเดวิด และ 3. นายหยู่ฉางเฟ่ย ส่วนนายโทนี่อยู่ระหว่างจับกุมและกำลังหลบหนีอยู่ในไทย ส่วน นายหมิง หลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการออกหมายจับสากล
โดยทั้ง 5 กลุ่มนั้น มีความสัมพันธ์รู้จักกัน โดยแต่ละกลุ่มจะแยกย้ายไปธุรกิจผับในพื้นที่ต่างๆ เช่น ท็อปวันในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสพยาเกินขนาดและเสียชีวิต รวมทั้งมีการลักทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต ไปทำลายเผาเพื่อหลักฐาน โดยในกลุ่มนี้ได้มีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 8 ราย ในหลายข้อหา
ส่วนในกลุ่มที่ 2 คือ คลับวัน ในพื้นที่ เมืองพัทยา โดยมีนอมินีที่เป็นชาวจีน 4 ราย ที่สวมบัตรประชาชนไทย เคยสร้างวีรกรรมด่าข้าราชการตำรวจ ว่า มีการจ่ายเงินแล้ว ทำไมถึงถูกจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบนำดีเอ็นเอพ่อแม่ของเจ้าของบัตรประชาชนเดิมไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติ จึงได้ประสานทางการจีนพบว่าผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติที่กับที่ประเทศจีน
สำหรับกลุ่มที่ 3 คือ ผับจินหลิง ที่มีการตรวจสอบและพบยาเสพติดจำนวนมาก โดยตำรวจมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่า นายตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว จึงได้มีการออกหมายจับตามข้อหาที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว ซึ่งพฤติกรรมที่แสดงความเป็นเจ้าของคือมีการเข้าออกในสถานที่ดังกล่าวเป็นประจำ และในวันเกิดเหตุเจ้าตัวก็อยู่ด้วย นอกจากนี้ จากเส้นทางการเงินนายตู้ห่าว มีรายชื่อในการเช่าสถานที่ และจ่ายค่าเช่า
กลุ่มที่ 4 คือ Baby face ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งกลุ่มนี้มีคนไทยเป็นนอมินี เป็นแม่ยายของนายเดวิด โดยตำรวจได้ขอหมายค้นบ้านพบรถยนต์หรู 3 คัน สุรานอก 28 ลัง ปืน 2 กระบอก เงินสด 19 ล้านบาท
วันนี้ตำรวจได้ขอหมายค้นพื้นที่เกี่ยวข้องรวม 4 จุด 1 ในนั้นคือบ้านพักของนายตู้ห่าว ซึ่งมีชื่อภรรยายศ พ.ต.อ.หญิง เป็นเจ้าของบ้าน มูลค่าบ้านมากกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ยึดอายัดทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ทั้งอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เงินสด มากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการระดมตรวจค้นไป 20 จังหวัด รวม 75 จุด จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเดียวกันอีก 93 ราย
หลังจากนี้ จะมีการขยายผลตรวจสอบทะเบียนราษฎรผู้ที่เกี่ยวในเครือข่าย รวมทั้งเส้นทางการเงิน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตม.จ.อุดร, ขอนแก่น, แพร่ และเชียงใหม่ ว่า มีการอนุญาตให้เปลี่ยนวีซ่าจากนักท่องเที่ยว เป็นวีซ่านักศึกษาได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนอายุมากกว่า 50 ปี และการจะขอวีซ่านักเรียนได้นั้น ต้องมีโรงเรียนรับรอง ซึ่งก็ต้องตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นผู้รับรองด้วย
นอกจากนี้ ยังพบนายตำรวจระดับ พงส.สน.ยานนาวา, รอง ผกก.จร.สน.ลาดพร้าว และ รอง ผบก.น.6 ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ในลักษณะการปล่อยตัวผู้ต้องหาสำคัญ และปล่อยรถหรู ซึ่งเป็นของกลางในคดี โดยมีหลักฐานยืนยันว่ามีการแลกรับผลประโยชน์ คันละ 2 ล้านบาท จำนวน 4 คัน ซึ่งหลังจากนี้ ต้องขยายผลอีกว่ามีใครที่ร่วมขบวนการที่มีตำแหน่งใหญ่กว่ารอง ผบก.น.6 หรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่ามี
สำหรับการตรวจสอบภรรยาของนายตู้ห่าว ถึงเรื่องเงินจำนวน 200 ล้านบาท ที่นำมาซื้อบ้าน เจ้าตัวต้องชี้แจ้งที่มาของเงินให้ได้ เพราะลำพังเงินเดือนข้าราชการไม่น่าจะมีทรัพย์ขนาดที่จะซื้อบ้านหลังดังกล่าวได้ หากชี้แจ้งไม่ได้ก็ถือว่ามีความผิด
ส่วนเรื่องที่ว่าภรรยาของนายตู้ห่าว เป็นหลานของอดีต ผบ.ตร. จะมีการช่วยเหลือหรือไม่ ตนขอยืนยันว่า ได้มีการคุยกับทุกฝ่ายซึ่งท่า ผบ.ตร. และอดีต ผบ.ตร.ยินดีที่จะให้ดำเนินคดีตามหลักฐานที่ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีใคร มาขอให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษแต่อย่างใด
ต่อมา ภายหลังการสอบปากคำนายตู้ห่าว นานกว่า 3 ชั่วโมง ได้มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำต่อที่ สน.ยานาวา โดยจะมีการคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และในท้ายคำร้องฝากขังก็จะมีการคัดค้านประกันตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นคดียาเสพติดที่เกี่ยวกับความมั่นคง
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าวได้มอบเอกสารแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วย หลังแถลงจบเพื่อให้ได้เป็นประโยชน์ในการสืบสวนต่อไป นายชูวิทย์ กล่าวว่า หน้าที่ของตนหมดจบแล้ว วันนี้ตนได้นำหลักฐาน ที่เป็นรายการทรัพย์สินของนายตู้ห่าวหลายพันล้าน มีตัวนอมินีหญิงรายหนึ่ง ที่ขายเครื่องครัว ที่ตึกย่านพระราม 4 ประกอบไปด้วย สำเนาโฉนด 106 ไร่ ซึ่งนำไปจำนอง ไว้ 1.6 พันล้านบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่หญิงรายนี้ จะมีทรัพย์สินมหาศาลหลายพันล้าน ทั้งที่ทำงานมา 10-20 ปี ที่ห้องเช่าในซอยรัชดาภิเษก 10 จะมีโรงแรมและที่ดิน 100 กว่าไร่ได้
ขณะนี้สังคมกำลังจับตาการทำงาน ก็ขอให้ตำรวจทำงานให้ไว เพราะหมายจับออกเมื่อวันที่ 16 ต.ค. แต่มาจับได้ในวันนี้ มันค่อนข้างใช้เวลานาน
ทั้งนี้ นายตู้ห่าว ไม่ขอตอบคำถามเรื่องรู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อพัชรินทร์ และยืนยันว่า เรื่องการทำธุรกิจาสีเทานั้น ไม่จริงแต่อย่างใด
ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“รองโจ๊ก” แถลงกวาดล้างแก๊งนายทุนจีนเจ้าของธุรกิจสีเทา ใช้คนไทยเป็นนอมินี
https://mgronline.com/crime/detail/9650000111821
มอบตัวแล้วตู้ห่าว หลังถูกออกหมายจับ “รองโจ๊ก” รุดสอบปากคำ
https://mgronline.com/crime/detail/9650000111703
เด้ง “พ.ต.อ.ณัฐพล” รักษาการ ผกก.ยานนาวา เข้า ศปก.บก.น.6 เซ่นจับผับจินหลง พ่วงออกหมายจับตู้ห่าว
https://mgronline.com/crime/detail/9650000111506